ดูแบบคำตอบเดียว
  #63  
เก่า 13-09-2013, 19:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,753
ได้ให้อนุโมทนา: 152,182
ได้รับอนุโมทนา 4,420,566 ครั้ง ใน 34,343 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เขาบอกว่า "วิริยะต้องสมดุลกับสมาธิ ถ้าสมาธิมีมากจะเกียจคร้าน" ผมไม่เข้าใจครับ ?
ตอบ : การที่เรานั่งเฉย ๆ เขาเห็นว่าเกียจคร้าน แต่จริง ๆ แล้ว เขาทำไม่ได้เองก็เลยอธิบายมาแบบนั้น ถ้าทำเองจะเห็นว่าในระยะที่สมาธิดำเนินไป ข้างในจะตัดรัก โลภ โกรธ หลง ไปโดยอัตโนมัติ แต่เขาเห็นว่าเรานั่งเฉย ๆ เขาเลยบอกว่าต้องไปนับ ๑ ใหม่ ต้องอย่างนั้นถึงจะขยัน

ถาม : ผมก็งง เพราะว่าพอเข้าสมาธิแล้วก็มีความขยัน ไม่เห็นจะลดละเลย ?
ตอบ : ถ้าไม่ขยันใครจะไปนั่ง ? แต่คราวนี้เขายืนยันว่าทำให้เกียจคร้าน ทำให้เซื่องซึม อาตมาก็ว่าเข้าสมาธิแล้วสภาพจิตสดชื่น แหลมคม ว่องไวกว่าปกติ อะไรที่เข้ามารู้ทันหมด จะว่าอย่างนั้นก็ตามใจเขาเถอะ

ถ้าเราไปว่าเขา ก็เท่ากับเราไปโจมตีสายการปฏิบัติของเขา อาตมาเลยมีความเห็นว่า สายการปฏิบัติทุกสาย ถ้าเอาคนเข้าวัดได้ก็ใช้ได้ คนเข้าวัดก็คือคนที่ขาดที่พึ่งทางใจ เหมือนกับคนหิว ถึงเวลาต้องการอาหาร อาหารจะรสชาติเฮงซวยอย่างไรก็ขอให้ได้กินเถอะ พออิ่มขึ้นมา ต่อไปเขารู้ว่าอาหารรสไม่ถูกปาก เดี๋ยวเขาก็ไปหาร้านที่ถูกใจเขาเอง ฉะนั้น..อันดับแรกให้เอาคนเข้าวัดได้ก่อน เพียงแต่ว่าใครไปสายโน้นก็เดินไกลหน่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2013 เมื่อ 19:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา