พระอาจารย์กล่าวว่า "การเทศน์ ๓ ธรรมาสน์ต้องรักษารูปแบบไว้ แต่เนื้อหาอยู่ที่เราจะใส่ การเทศน์ ๓ ธรรมาสน์มาจากการสังคายนาพระไตรปิฎก องค์ประธานก็คือพระมหากัสสปะจะเป็นผู้สอบถาม พระอุบาลีกับพระอานนท์จะเป็นผู้ตอบ แต่คราวนี้เขาไม่ได้กำหนดตายตัวว่า จะต้องตอบเรื่องวินัยเรื่องธรรมหรืออะไร กลายเป็นว่า ๓ ท่านจะมีท่านหนึ่งเป็นหลักคอยถาม ท่านที่เป็นหลักถ้าคนอื่นตอบไม่ตรงอย่างไรนี่ ต้องต้อนกลับไปให้ตอบตรงให้ได้
แต่ถ้าเทศน์ ๒ ธรรมาสน์จะเป็นพระสกรวาทีกับพระปรวาที คือท่านผู้ถามกับผู้ตอบ ๒ คน เขาจะสมมติว่าพระสกรวาทีพิจารณาธรรมอยู่ในป่า แล้วก็ติดขัด นึกถึงพระปรวาทีว่าท่านเป็นผู้ที่เจริญด้วยศีลสุตาธิคุณ กอปรไปด้วยปัญญาอันยิ่ง คงจะเข้าใจซึ่งปัญหาอันนี้ เราควรที่จะไปสอบถาม แล้วก็มีการสมมุติให้เดินทางไปสอบถาม บางที่คำถามก็งัดเอาคำถามที่โยมเขียนนั่นแหละมาถาม จะมีการขึ้นต้นลงท้ายที่เป็นรูปแบบตายตัวของเขา ส่วนคำตอบก็อยู่ที่ปัญญาของคนเทศน์"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2013 เมื่อ 13:28
|