"โดยเฉพาะตอนที่เขาต่อสู้กันในโฆษณา หยอดเหรียญที่ ๑ โค้กกลิ้งมา ๑ กระป๋อง หยอดเหรียญที่ ๒ โค้กกลิ้งมา ๑ กระป๋อง วางลงเอาตีนเหยียบ ขึ้นไปหยอดเหรียญที่ ๓ เอาเป๊บซี่ แสบขนาดนั้น..! ระยะเวลาโฆษณาประมาณ ๒ นาที ยอมให้เขาไปนาทีครึ่ง ใคร ๆ ก็คิดว่าโฆษณาโค้กแน่นอนเลย ที่ไหนได้เขาเอาโค้กมาเป็นบันได ยอมเสียเงินหยอดโค้กมา ๒ เหรียญเพื่อจะกินเป๊บซี่ให้ได้ เป๊บซี่ต้องดีขนาดไหน คนกินถึงยอมลงทุนขนาดนั้น
ส่วนอีกอันก็โฆษณาเหมือนกับไทยเที่ยวไทย ไม่ไปไม่รู้ ที่ไหนได้พอภาพสุดท้าย กระดกเบียร์สิงห์ตอนนั่งอยู่บนหลังช้าง ตอนแรกเราก็ว่าการท่องเที่ยวไทยแน่ ๆ เลย ที่ไหนได้โฆษณาเบียร์สิงห์ นั่งหลังช้างเที่ยวป่า กินสิงห์บนหลังช้างเลย ให้เห็น ๆ ไปเลยว่าสิงห์ขี่ช้าง แสบไส้จริง ๆ..!
เมืองไทยประกันชีวิตยกตัวอย่างไม่ได้ เพราะเมืองไทยประกันชีวิตไม่ยอมแข่งกับใคร เปิดแนวของตัวเองไปเลย ใครจะเลียนแบบไม่ว่า แต่ข้าไม่ตามใคร เพราะฉะนั้น..โฆษณาของเมืองไทยประกันชีวิตจะอยู่ในลักษณะสร้างสรรค์ บางอย่างกระทบใจมาก ๆ เลย อย่างที่ทุกเช้าคุณลุงจะต้องเดินขึ้นเขา อาตมาก็นึกว่าออกกำลัง ที่ไหนได้ไปสีซอให้หลุมศพภรรยามา ๓๐ ปี รักยังไม่จืดจางเหมือนไทยประกันชีวิตรักคุณ น่าเคลิ้มจริง ๆ
โดยเฉพาะโฆษณาคุณพ่อที่เป็นใบ้ อันนั้นจริง ๆ ประทับใจทุกอย่างเลย แต่พลาดอยู่จุดเดียว พลาดตรงที่ว่าเขาได้ยินเสียงลูกล้มอยู่ชั้นบน ซึ่งถ้าเป็นอาตมาไม่ทำอย่างนั้นหรอก จะให้เลือดของลูกหยดแปะลงหน้าแก แต่ในโฆษณาพ่อได้ยินเสียงลูกล้ม ซึ่งคนที่เป็นใบ้ก็คือหูหนวกด้วย แต่ต้องบอกว่าโยมที่เล่นเป็นพ่อนี่เก่งสุดยอดเลย เพราะว่าท่าใบ้ของแกทุกท่าพวกเราจะดูออกหมด ว่าแกหมายความว่าอะไร"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2013 เมื่อ 03:25
|