๕๖. พระธาตุพระสีวลี
พระสีวลีเถรเจ้าเป็นพระอรหันตเจ้าสมัยพุทธกาล ตามประวัติกล่าวว่า ท่านเป็นโอรสของ
พระนางสุปปวาสา พระมารดาทรงครรภ์นานถึงเจ็ดปีกับอีกเจ็ดวัน แม้จะทรงครรภ์นานเห็นปานนั้น แต่ความลำบากแม้แต่น้อยหนึ่งก็มิได้มีแก่พระมารดา มิหนำซ้ำพระมารดายังสมบูรณ์บริบูรณ์ไปด้วยลาภสักการะเป็นอันมาก...
บุรพกรรมที่ทำให้ท่านต้องอยู่ในครรภ์นานถึงเพียงนั้น กล่าวไว้ว่าในชาติก่อนท่านเป็นพระมหากษัตริย์ ได้ยกทัพไปตีเมืองอื่น ทำการล้อมเขาไว้ตามคำแนะนำของพระมารดา เป็นเวลานานถึงเจ็ดปีกับอีกเจ็ดวัน เขาจึงยอมแพ้ มาในชาตินี้ท่านถึงต้องทนอยู่ในครรภ์พระมารดา เป็นเวลาเท่ากันเพื่อใช้หนี้กรรม...! ต่อมาท่านได้ฟังเทศน์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความเลื่อมใสจึงทูลขออุปสมบท เพียงมีดโกนจรดศีรษะก็ได้โสดาปัตติผล ปลงผมเสร็จก็สำเร็จอรหัตผล เป็นผู้มีลาภสักการะยิ่งกว่าผู้ใด องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงตั้งไว้เป็น
เอตทัคคะ คือเป็น
ผู้เลิศไปด้วยลาภ...
ความเป็นเลิศในด้านลาภผลของท่านปรากฏชัด ครั้งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุ ๕๐๐ องค์ เสด็จไปเยี่ยมพระเรวัตตะ ณ ป่าไม้ตะเคียน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงถามทางจากพระอานนท์ พระอานนท์ทูลตอบว่า ทางตรงลำบากด้วยอาหารบิณฑบาต มีแต่อมนุษย์เป็นจำนวนมาก มีระยะทาง ๖๐ โยชน์ ส่วนทางอ้อมสะดวกต่อการบิณฑบาต มีบ้านเรือนเป็นระยะไป แต่หนทางไกลถึง ๑๒๐ โยชน์...!
องค์สมเด็จพระบรมสุคตตรัสว่า “
พระสีวลีมาด้วยหรือไม่...?” พระอานนท์ทูลว่า “
มาด้วยพระเจ้าข้า” องค์สมเด็จพระบรมศาสดาจึงมีพระดำรัสว่า “
อานันทะ ดูกรอานนท์ ถ้าสีวลีมาด้วย เราจะไปทางตรง...” เมื่อองค์สมเด็จพระประทีปแก้วพร้อมด้วยภิกษุทั้ง ๕๐๐ เสด็จไปทางตรง บรรดาเทวดาทั้งหลายก็เนรมิตที่พักเป็นระยะ ๆ ไปตลอดทาง ๖๐ โยชน์ และนำอาหารมาถวายเฉพาะพระสีวลี มีจำนวนมากพอที่จะถวายองค์สมเด็จพระบรมศาสดา และภิกษุทั้ง ๕๐๐ โดยทั่วถึงกัน...
บุรพกรรมที่ทำให้มีลาภมากนี้ กล่าวไว้ว่า ในชาติหนึ่งมหาชนทั้งหลายตั้งใจถวายทานต่อภิกษุสงฆ์เป็นอันมาก มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน ของทุกอย่างมีครบแล้ว ยกเว้นน้ำผึ้งสดเพียงอย่างเดียว ชนทั้งหลายจึงพากันออกหาน้ำผึ้งสดเป็นการใหญ่... พระสีวลีในชาตินั้นเป็นชายตัดฟืน พอดีได้ผึ้งมาหนึ่งรัง ชนเป็นอันมากเหล่านั้นขอซื้อ ให้ราคาถึงหนึ่งพันกหาปณะท่านก็ไม่ขาย แต่ขอร่วมทำบุญด้วย
อานิสงส์การทำบุญปิดท้ายมหาสังฆทานด้วยน้ำผึ้งสดรวงเดียวในชาตินั้น บันดาลให้ท่านเกิดมาถึงพร้อมด้วยลาภสักการะทุกชาติ เทวดาที่นำอาหารมาถวาย คือชนทั้งหลายที่ได้ร่วมทำบุญในครั้งนั้นเอง...
“
หลวงพ่อ” เล่าให้ฟังว่า คืนหนึ่งท่านเจริญกรรมฐานอยู่ เห็นประกายสีเขียวนวลสว่างจ้าอยู่บนขื่อ มีเสียงบอกว่าขอมาอยู่ด้วย “หลวงพ่อ” ถามว่าเป็นใคร เสียงนั้นตอบว่า “
ผม...สีวลี ครับ” รุ่งเช้าท่านขึ้นไปดูบนขื่อ พบพระธาตุพระสีวลีองค์หนึ่งจริง ๆ จึงเก็บเอามาบูชาไว้... อาตมาได้ยินดังนั้นก็เกิดความ “อยาก” ได้ขึ้นมา อุตส่าห์ไปค้นหา
คาถาบูชาพระสีวลีมาท่อง คาถาก็ยาวจัง จึงตัดทอนเอาสั้น ๆ แค่ว่า
“สีวลี จะ มหาเถโร เทวะตานะระภิปูชิโต โสระโห ปัจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตังสะทา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม”
ท่องไปขอไป ขอให้ได้พระธาตุพระสีวลีมาบูชา เวลาผ่านไปสามเดือน มีผู้นำพระธาตุพระสีวลีมาถวาย จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม จากสามเป็นสี่ จนอาตมาเห็นว่าได้มากแล้ว ขอแค่นี้ก็พอ...อาตมาแบ่งปันพระธาตุพระสีวลีให้แก่
นัน (นันทิญา) ๑ องค์
เกียง (มาลินี) ๑ องค์
พี่วิไล (วิไลวรรณ) ๑ องค์ เหลือไว้บูชาเอง ๑ องค์ แต่ไม่นานมานี้ ได้มอบให้กับหัวหน้าสถานีวิจัยเพื่อรักษาต้นน้ำแม่กลองคือ
คุณประเดิมชัย แสงคู่วงษ์ไปเสียแล้ว เห็นทีต้องท่องคาถาใหม่อีกตามเคย...
พระธาตุพระสีวลีเถระมีลักษณะขรุขระ แบบที่ค่อนข้างเรียบมีลักษณะคล้ายเม็ดมะละกอ แบบปานกลางคล้ายเม็ดพุทรา แบบขรุขระมากมีลักษณะคล้ายลูกยออ่อน มีสองสีคือ เขียวแก่แบบใบผักตบ กับเหลืองเหมือนหวายตะค้า ที่อาตมาได้มานั้น สีเหลืองเหมือนหวายตะค้าทั้งสี่องค์...
หากท่านผู้อ่านท่านใดต้องการพระธาตุพระสีวลีไว้บูชา ก็โปรดทดลองท่องคาถาดู ของอย่างนี้ใครบอกก็อย่าเพิ่งเชื่อ จนกว่าเราจะทำเห็นผลเอง ถ้าท่านมีความอดทนพอ มีสัจจะแน่วแน่มั่นคง คิดว่าในเวลาไม่นาน ท่านก็จะเห็นผลเช่นเดียวกัน... “กับของจริง ต้องทำจริง จึงจะได้ผลจริง”
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๓๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ