คราวนี้เห็นหรือยังว่า แค่ความไม่รู้เรื่องอย่างเดียว แล้วไปรัก ชอบ เกลียด ชัง พายาวไปจนถึงขนาดนี้ ในเมื่ออายตนะมี การรับสัมผัสต่าง ๆ เกิดขึ้น ก็เลยบอกว่าอายตนะทำให้เกิดผัสสะ คือการสัมผัส เมื่อเกิดผัสสะขึ้นมา ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์ก็เกิดขึ้น เขาถึงได้บอกว่าผัสสะเป็นเหตุให้เกิดเวทนา ในเมื่อสุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์เกิดขึ้นก็จะเกิดตัณหา ก็คือเลือกเอาในส่วนที่ตัวเองชอบ ไม่ต้องการส่วนที่ตัวเองไม่ชอบ ก็เป็นทั้งกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
ในเมื่อเกิดตัณหาขึ้นมา ก็เลยทำให้ตัวเองไปยึดว่าสิ่งนี้กูเอา สิ่งนี้กูไม่ เอาทำให้เกิดอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น คราวนี้ตัวเองไปเกาะแล้วนี่ อุปาทานะปัจจะยา ภะโว ซวยเลย ทำให้เกิดภพคือที่อยู่ เพราะตัวเองไปเกาะหนับอยู่ตรงนั้นแล้ว คราวนี้ก็ ภะวะปัจจะยา ชาติ ในเมื่อมีที่แล้วก็เกิดสิ คราวนี้ แก่ เจ็บ ตาย ทุกข์โศกร่ำไร ตามมาเป็นลูกระนาดเลย
บาลีท่านบอกว่าให้ย้อนกระบวนการกลับไป แล้วก็จะกลับไปสู่จุดดับ ก็เหลือแค่ว่าถ้าเราไม่ยินดี ไม่อยากมีอยากได้ในร่างกายนี้ก็จบเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปปรุงแต่ง เรื่องพวกนี้ถ้าอธิบายละเอียดแล้วยาว แต่จริง ๆ แล้วก็อย่างที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอก คือไปเล่นจุดสุดท้ายเลยก็หมดเรื่อง
ถาม : ถ้าพ้นไปแล้วจะเห็นสิ่งเหล่านี้ชัดขึ้นไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าพ้นไปแล้วมองกลับมาจะเห็นละเอียดดีมาก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2013 เมื่อ 11:27
|