ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 29-05-2013, 20:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,196 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อดูลมหายใจ ดูคำภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวตั้งมั่นแล้ว ท้ายสุดก็อย่าลืมพิจารณาให้เห็นว่า สภาพร่างกายของเรานี้มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ มีความทุกข์เป็นปกติ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้

ร่างกายนี้สักแต่ว่าประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ให้เราอาศัยอยู่ชั่วคราว ถึงเวลาก็เสื่อมสลายตายพังไป ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่ก็มีแต่ความทุกข์ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีความทุกข์เช่นนี้เราไม่ต้องการอีก การเป็นเทวดาเป็นพรหม พ้นทุกข์ได้ชั่วคราว เราก็ไม่ปรารถนา ให้ตั้งใจไว้ว่า "ถ้าเราตายเมื่อไรขอไปพระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น"

แล้วเอาจิตจับแน่วนิ่งอยู่กับพระนิพพาน ถ้ายังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ เราก็ดูลมหายใจเข้าออกของเราไป ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ก็กำหนดคำภาวนาของเราไป ถ้าไม่มีลมหายใจเข้าออก ไม่มีคำภาวนา ก็กำหนดการรู้อยู่ตรงนั้น อย่าดิ้นรนให้พ้นจากสภาพเช่นนั้น และอย่าอยากให้เป็นสภาพเช่นนั้น สมาธิจะได้ทรงตัวเข้าสู่ระดับที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป ลำดับต่อไปให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าและเถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2013 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา