ดูแบบคำตอบเดียว
  #97  
เก่า 13-05-2013, 09:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,741
ได้ให้อนุโมทนา: 152,155
ได้รับอนุโมทนา 4,419,996 ครั้ง ใน 34,331 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อก่อนจะนั่งไปแล้วมีปีติ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีค่ะ ?
ตอบ : เดี๋ยวนี้แย่ลง ไม่ปีติเลยใช่ไหม ? ..(หัวเราะ).. ส่วนใหญ่คนเราจะเข้าใจผิด อยากจะบอกว่าปีติเป็นแค่เด็กชั้นประถม พอเราทำไป ๆ สภาพจิตเคยชินกับความดีก็จะก้าวข้ามปีติไป ถ้าก้าวข้ามปีติไปแปลว่าเราทรงฌานในความดีนั้นได้

ในเมื่อทรงฌานในความดีนั้นได้ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าความดีนั้นยังมีอยู่ ไม่ได้ถดถอยไปไหน ? ก็ให้ดูว่าเรายังยินดีในการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาเป็นปกติหรือเปล่า ? ถ้าเรายังยินดีที่จะให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาเป็นปกติ ก็แปลว่ากำลังใจเราก้าวข้ามความดีจากปีติไปเป็นฌานแล้ว

เราทำอะไรก็เลยรู้สึกเฉย ๆ ไม่มีปีติอีก ไม่ได้หมายความว่ากำลังใจลดลง หากแต่ก้าวสูงไปจากเดิม ถ้าอยากจะปีติอีกก็ต้องลดกำลังใจลงมา ซึ่งถ้าไม่คล่องตัว ลดไม่เป็นก็ไม่เจอหรอก

ฉะนั้น..คนที่ทำบุญไปนาน ๆ แรก ๆ มีปีติ หลังจากนั้นก็ตายด้าน เฉย ๆ ไป ไม่ใช่กำลังใจแย่นะจ๊ะ กำลังใจดีขึ้น แต่เราไม่รู้ว่ากำลังใจดีขึ้น ก็ไปคิดว่า เอ..เราเลวลงหรือเปล่า ? ทำไมตอนนี้ทำบุญไม่มีความปีติเลย ? นั่นกลายเป็นฌานไปแล้วจ้ะ เป็นฌานก้าวข้ามปีติไปแล้ว แต่พิจารณาง่าย ๆ ว่าเรายังยินดีทำสิ่งนั้นเป็นปกติ ถึงเวลามีบุญมีกุศลที่ไหน เราก็เต็มใจทำ ถึงเวลาเราก็รักษาศีล เจริญภาวนาได้ ก็แปลว่าเราทรงฌานในความดีได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2013 เมื่อ 17:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา