| 
				  
 
			
			พระอาจารย์เล่าว่า  "เมื่อ ๔-๕ วันที่ผ่านมา มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหนีไปอยู่วัด  เขาไม่เคยไปมาก่อน  หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตแล้วนั่งรถไป   กว่าจะไปถึงวัดก็ ๘  ชั่วโมง  ไปขออยู่วัดเลย 
 อาตมาบอกว่าไม่ได้   ต้องให้พ่อแม่อนุญาตก่อน  เขาก็โทรศัพท์กลับบ้าน อาตมาก็ทำวัตรเย็นไป  พอทำวัตรเสร็จเขาบอกว่า "ป๊าอนุญาตให้อยู่วัดแล้ว" ถามว่าอนุญาตอย่างไร "ป๊าบอกว่าจะไปตายโหงตายห่าที่ไหนก็ไป..!"
 
 วันรุ่งขึ้นพ่อ อา และพี่สาวมา  อาตมาบอกเขาว่าไม่เห็นด้วยแต่แรกแล้ว  เพราะออกมาในลักษณะนี้ทำให้คนอื่นเขาไม่เข้าใจ  มองศาสนาในแง่ร้ายไปเลย  ส่วนเด็กเขายืนยันว่า เขาอยากจะเร่งทำความดีไว้  ถ้าตายเสียก่อนเขาก็ยังไม่ได้ทำ แต่พ่อแม่ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ พูดกันคนละภาษาก็เลยไม่รู้เรื่องกันสักที ต้องให้น้องเล็กไปคุยด้วย บอกเขาว่าทำแบบนี้โลกช้ำธรรมเสีย
 
 เขาก็ยืนยันว่า ไม่อยากเสียอารมณ์ใจอย่างนี้ไปอีก  ก็คือพอทำมาถึงระดับนี้ อยู่ ๆ กำลังใจหล่นลงไปก็เสียดายมาก  แล้วเมื่อไรจะตั้งกำลังใจได้ระดับนี้อีก เขาก็เลยทิ้งเรื่องการเรียนไป เขาเรียนเอแบคแล้วขอไปอยู่วัดแทน   น้องเล็กบอกว่า  เรื่องกำลังใจตกยังต้องเจออีกนับครั้งไม่ถ้วน  ไม่ใช่ว่ากำลังใจดีแล้วมาขออยู่วัด  ดีไม่ดีจะตกตอนอยู่วัดนี่แหละ เพราะสถานที่ดีไม่ได้หมายความว่าคนที่อยู่ในวัดจะดีด้วย  คนเมื่อไรก็เป็นคน  การกระทบกระทั่งกันย่อมมีอยู่
 
 ท้ายสุดพ่อก็รับปากว่าสงกรานต์จะพามาทำบุญที่วัด เขาพยายามจะให้พ่อเข้าวัดทำบุญด้วย พ่อเขาก็บอกว่าต้องทำมาหากิน จะให้เอาแต่ทำบุญย่อมเป็นไปไม่ได้  นั่งเถียงกันอยู่ตรงนั้นแหละ  ท้ายสุดอาตมาตั้งใจจะทำพาวเวอร์พอยต์สำหรับประชุมกรรมการวัด ก็เลยไม่ต้องทำ ให้พ่อแม่ลูกเถียงกันจนหมดวัน   ท้ายสุดเขาก็ต้องยอมกลับบ้าน"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2013 เมื่อ 02:39
 |