| 
				  
 
			
			ถาม : มีอยู่วันหนึ่งผมตื่นเช้าขึ้นมา มีความรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขเหลือเกินครับ อิ่มใจ สบายใจ รู้หมดเลยว่าศีล ๕ ข้อมีอะไรบ้าง ขอบเขตของศีลอยู่ที่ไหน ปฏิบัติอย่างไรศีลจะบกพร่องหรือขาดหรือว่าสมบูรณ์ เบาสบายใจเรื่องศีลอย่างบอกไม่ถูก เวลามีคนพูดอะไรถามอะไรไม่ว่าเรื่องไหน คำตอบจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ทันจะคิดเลย ไม่ทราบว่าความรู้สึกอันนี้เกิดจากอะไรครับ ? ตอบ : อาตมาเคยบอกว่าหลายคนเปะปะทำถูก   แล้วก็หาไม่เจอว่าตัวเองทำถูกเพราะอะไร  กลายเป็นว่าผลดีเกิดขึ้นตรงหน้าแต่หาเหตุไม่เจอ ถ้าเป็นลักษณะนี้ต้องบอกว่าอีกนาน..!
 
 เราต้องนึกย้อนทวนไปว่าก่อนหน้านั้นเราคิดอะไร ทำอะไร พูดอะไร ภาวนาอย่างไร อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบไหน จึงทำให้อารมณ์ใจอย่างนี้เกิดขึ้น แล้วก็ย้อนกลับไปคิดแบบนั้น ทำแบบนั้น พูดแบบนั้น อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนั้น เรื่องอย่างนี้ก็จะเกิดขึ้นใหม่ แต่ถ้าเราไม่สามารถจะนึกย้อนกลับไปได้ว่า เราทำอะไรมาผลนี้จึงเกิด ก็แปลว่าต้องรอกินผลจนเกลี้ยง แล้วก็เปะปะไปทำถูกเข้าอีกครั้งหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่านานเท่าไร  แล้วก็ต้องไปย้อนดูอีกทีว่าเกิดจากอะไร
 
 ถาม : ตอนนี้ความรู้สึกนั้นหายไปหมดแล้วครับ ?
 ตอบ : ไม่ใช่เรื่องแปลก..เป็นทุกคน   คือถ้าเราหาเหตุไม่เป็น เราก็สร้างผลให้เกิดไม่ได้ ตอนนี้ถึงเรามั่วไปสร้างเหตุได้ถูกแล้วผลเกิด เราก็รักษาผลไว้ไม่ได้ แต่ดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ  เหมือนกับเราเคยกินอาหารรสอร่อยแล้ว  เราจำรสอาหารนั้นได้ ต่อไปก็จะพยายามตะเกียกตะกายที่จะหารสอาหารนั้นมากินให้ได้อีก
 
 บอกได้อย่างเดียวว่าสภาพนี้คือ การที่ศีล สมาธิ ปัญญา ทรงตัวในระดับหนึ่ง จึงทำให้เกิดความคล่องตัวขึ้นมา มีสติรู้รอบว่าควรจะคิด จะพูด จะทำอย่างไร ถึงจะอยู่ในกรอบของศีล สามารถรักษาศีลได้โดยไม่บกพร่อง มีสติไม่ยุให้คนอื่นทำศีลขาด ไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นทำศีลขาด จะเรียกว่าเป็นสีลานุสติเต็มระดับก็ได้ แต่ว่ายังเต็มไม่จริงหรอก ถ้าเต็มจริงต้องบรรลุมรรคผลไปแล้ว..!
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 29-04-2013 เมื่อ 09:13
 |