พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยที่หลวงพ่อวัดท่าซุงหล่อรูปยืนองค์ใหญ่ในวิหารร้อยเมตร ปรากฏว่าเจอทั้งลมทั้งฝน ลักษณะนั้นช่างจะกลัวที่สุดเพราะแบบไม่ร้อน โลหะที่เทลงไปเย็นตัวเร็วเกิน ก็จะไปกั้นเอาไว้ไม่ให้โลหะอื่นไหลลงไปข้างล่าง ตรงที่โดนกั้นไว้ก็จะเป็นช่องโบ๋ แต่ปรากฏว่ารูปหล่อของท่านส่วนบนสมบูรณ์มาก แต่งองค์บริเวณจีวรเพิ่มหน่อย เพราะว่าพอเย็นมากแล้วโลหะแล่นไม่ถึง ต้องมาโปะเพิ่มกันทีหลัง
ส่วนที่ช่างกลัวที่สุดก็คือใบหน้า ปรากฏว่าออกมาสมบูรณ์แบบ เลยโล่งใจไป เพราะแต่งองค์แต่งเท่าไรก็แต่งได้ แต่ใบหน้านี่ถ้าแต่งแล้วเสียรูปขึ้นมา ก็ต้องหล่อใหม่ทั้งองค์
ที่เราเห็นองค์ยืนองค์ใหญ่มหึมาในวิหารร้อยเมตร ช่างเขาหล่อด้วยความอกสั่นขวัญแขวนมาก เพราะดินฟ้าอากาศไม่ให้เลย สมัยที่หลวงพ่อท่านอยู่วัดบางนมโค หล่อพระพุทธชินราชองค์หนึ่ง ก็เจอลักษณะอย่างนั้น ก็คือทั้งลมทั้งฝนกระหน่ำ เททองเสร็จ เอาทรายทับแล้วช่างไม่กล้าทุบแบบ ต้องนั่งซึม
หลวงพ่อบอกว่า “ทุบแบบออกมาดูสิ” ช่างบอกว่า “เสียแน่ ๆ ครับท่าน” หลวงพ่อบอกว่า “ทุบมาเถอะ เสียก็ทำใหม่..ไม่ว่ากัน” ปรากฏว่าทุบออกมาแล้วงามจนแทบจะไม่ต้องขัดแต่งเลย คราวนี้ช่างดีใจจนน้ำตาไหล หลังจากนั้นพระพุทธรูปองค์นั้น ถึงเวลาใครต้องการฝน อาราธนาไปเป็นได้ฝนทุกที่ ปัจจุบันนี้ไม่รู้ทางวัดบางนมโคเอาไปซุกไว้ที่ไหน ?"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2013 เมื่อ 03:23
|