๕๔. แหวนจักรพรรดิ
ปลายปี ๒๕๒๙ มีผู้นำเพชรที่ขุดได้ที่
เขาพระงาม จ.ลพบุรี มาให้หลวงพ่อดู เป็นเพชรที่เปอร์เซ็นต์เนื้อสูงมาก เกือบจะเป็นเพชรแท้อยู่แล้ว อาตมาลองกรีดกระจกดู ผลคือ ตู้กระจกพังไปเลย..! หลวงพ่อถามว่า ถ้าต้องการเป็นจำนวนมาก เพื่อจัดสร้างเป็นวัตถุมงคล จะหาให้ได้หรือไม่...? เขาบอกว่าได้ พวกเราต้องการทราบว่าหลวงพ่อจะสร้างเป็นอะไร ในที่สุดก็ออกมาเป็นแหวน มีชื่อว่า “
จักรพรรดิ”...
ในพิธีพุทธาภิเษก หลวงพ่อเล่าเหตุมหัศจรรย์ให้ฟังว่า การปลุกเสกทุกครั้ง อานุภาพที่คลุมลงบนวัตถุมงคล จะเป็นละอองแก้วบาง ๆ เท่านั้น แต่คราวนี้ประกายแก้วหนาทึบจนมองไม่เห็นโต๊ะหมู่บูชาเลย...
ยิ่งกว่านั้นคือ หลวงพ่อเริ่มพิธีหลังสามทุ่ม พอหลับตาลงจิตก็รวมดิ่งเป็นหนึ่งเดียว รู้สึกว่าเดี๋ยวเดียว แต่พอลืมตาขึ้นมา ตีสี่พอดี...! คืนต่อมาเริ่มเหมือนเดิม ลืมตามาตีสาม...! ท่านบอกว่าเหมือนนั่งครู่เดียวจริง ๆ...
“
ตั้งแต่ป่วยมาหลายปีแล้ว เพิ่งมีครั้งนี้แหละ ที่จิตรวมตัวได้เต็มอัตราขนาดนี้...” เรื่องอานุภาพไม่ต้องพูดถึง ปกติน้อยครั้งที่หลวงพ่อจะกล่าวถึงสรรพคุณของวัตถุมงคล แต่คราวนี้ท่านบอกว่า “
พระควรจะมีติดตัวไว้...”
พระเจ้าจักรพรรดิสามารถเลี้ยงคนทั้งโลกได้อย่างไร ต่อไปภายหน้า หากพระต้องแยกย้ายกันไปเป็นผู้นำแก่หมู่ชนที่ใด จะได้เลี้ยงดูญาติโยมและศิษย์ทั้งหลายได้ ไม่มีการอดอยากขาดแคลน เหมือนพระเจ้าจักรพรรดิฉันนั้น อยากได้นะอยากอยู่ แต่ราคามันแพงนะซิ...
เรือนแหวนเป็นทอง ใต้ท้องแหวนสลักนามหลวงพ่อในขณะนั้น คือ “
พระสุธรรมยานเถระ” หัวแหวนเป็นเพชรเรียงสามเม็ด เม็ดใหญ่อยู่กลาง เม็ดรองอยู่สองข้าง
เพชรนี้มีเทวดารักษาเม็ดละ ๑ องค์เลยเลยทีเดียว...
“
พระ” ท่านให้กำหนดราคาสามเท่าของราคาทองคำ เพื่อนำเงินส่วนกำไรไปสร้าง
มณฑปแก้ว ราคาทองประมาณ ๒,๒๐๐ บาท สามเท่าก็ตก ๖,๖๐๐ บาท นับว่าแพงมาก จัดเป็นวัตถุมงคลราคาแพงที่สุดเท่าที่หลวงพ่อเคยมีมา ตั้งแต่ต้นจนปัจจุบัน เพราะปกติราคายืนพื้นที่ ๑๐ บาท...!
แต่แปลก...ราคาแพงปานนั้น คนกลับแย่งกันจองเหมือนได้เปล่า จ่ายมัดจำก่อน ๒,๒๐๐ บาท ของจะได้เมื่อไรก็ไม่รู้ ? ขนาดนั้นบัญชีรายชื่อยังยาวเหยียด และมีไม่น้อยที่สั่งหลายวง จะเผื่อคนอื่นหรือของตนเองก็ไม่อาจจะทราบได้...
สำหรับพระนับว่าน่าเห็นใจ จะหารายได้มากมายแบบนั้นมาจากไหน หลวงพ่อเลยอนุญาตพิเศษ คิดราคาทุนเฉพาะพระ คือ ๒,๒๐๐ บาท สั่งได้รูปละ ๑ วงเท่านั้น ใครสละสิทธิ์ ห้ามรูปอื่นใช้สิทธิ์แทนเป็นอันขาด ผู้ใดสวมสิทธิ์เจออาบัติปาราชิก...!
อาตมาได้รับความเมตตาจากน้องสาวคนเล็กของหลวงปู่มหาอำพัน คือน้านิล (
คุณนิลประไพ บุญ-หลง) น้านิลท่านสงสารพระจะผอมตายซะก่อน เลยช่วยจ่ายค่าแหวนให้ นับเป็นพระคุณอย่างหาที่สุดมิได้...
ตั้งแต่ได้แหวนจักรพรรดิมา เรื่องลาภผลมีความคล่องตัวจริง ๆ อาตมาสามารถถวายสังฆทานชุดละ ๑ พันบาท ได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละชุด บางเดือนถึง ๔ – ๕ ชุด แล้วยังการทำบุญอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน เรียกว่าถ้าสะสมเงินเป็นซะหน่อยเดียว แค่ปีสองปีก็รวยอื้อแล้ว...!
อาตมามีดวงสมพงษ์กับผีมาก ไม่ว่าจะไปไหนเป็นต้องถูกผีหลอกเสมอ กลางปี ๒๕๓๐ อาตมาย้ายมาเข้าเวรหน้าตึกของหลวงพ่อ จำต้องย้ายที่อยู่จาก
ป้อมตะวันออก มาพักที่ตึกกองทุนฝั่งวัดเก่าแทน...
ตึกกองทุนนั้น เดิมเป็นที่ตั้งของกุฏิเจ้าอาวาสรูปก่อน หลวงพ่อทำตะกรุดแจก คนแย่งกันรับจนกุฏิพัง หลวงพ่อเลยสร้างใหม่ กลายเป็นตึกกองทุนในปัจจุบัน เคยเป็นที่หลวงพ่อรับแขกอยู่ระยะหนึ่ง มีชื่อเสียงทางผีดุเป็นพิเศษ...ฮ่า...!
มีโครงกระดูกเก่า ๆ อยู่ในตึกโครงหนึ่ง อาตมาเห็นไม่มีใครสนใจ เลยเอาไปไว้ในห้องด้วย ผลคือคุณเธอมาหานะซิ...! ยังดีที่มาแบบสวยงาม รายต่อมาคือนาฬิกาปลุกประจำตัว ถ้าถึงเวลากรรมฐานแล้วยังนอนละก็ เคยหวดอาตมาด้วยกระบองจนดาวกระจายว่อนมาแล้ว โหดชะมัดเลย...!
อีกรายมาเป็นชุด เป็นพวกหมอศัลยกรรม หามศพเข้ามาวางข้าง ๆ อาตมา จัดการผ่าอุตลุด หั่นให้ดูทีละชิ้น ทีละชิ้น เลือดนองพื้นไปหมด กลิ่นคาวแทบอาเจียน พอทนไม่ไหวแกก็หายวับไปทั้งกลุ่ม...เฮ้อ...รอดตายไปที...!
โดนแบบนี้ก็ไม่ว่ากันหรอก ถือว่ามาดี มาช่วยให้เข้าถึงธรรมเร็วขึ้น แต่ไอ้ประเภทที่มาร้ายนี่ซิ โดนเข้าทีเข็ดไปนานเลย ตอนนั้นอาตมาตื่นมาภาวนาตอนตีสาม พอถึงตีห้าชักเมื่อย เลยคิดจะนอนภาวนาแทน... พอเอนตัวลง ดึงผ้าห่มคลุมออก ผีผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ขนาดเด็ก ๕ – ๖ ขวบ กระโดดติดผ้าขึ้นมาเลย คว้าคออาตมาได้ ก็ตั้งหน้าตั้งตาบีบ...บีบ...บีบ...ไม่รู้ว่าโกรธแค้นกันมาแต่ปางไหน เห็นตัวเล็กแค่นั้นมือหนักชะมัดยาด อย่างกับถูกบีบด้วยคีมเหล็กก็ไม่ปาน...!
อาตมาดิ้นเท่าไรก็ไม่หลุด ลมหายใจเหลือนิดเดียว จะขาดใจอยู่รอมร่อแล้ว นึกขึ้นมาได้ว่า เราพกแหวนจักรพรรดิอยู่ในกระเป๋าอังสะแท้ ๆ ยายผีนี่นั่งทับแหวนอยู่เลย ทำไมแหวนถึงไม่ช่วยเรานะ...? พอคิดว่าทำไมแหวนไม่ช่วยเท่านั้นเอง ก็มีประกายสว่างวาบอย่างกับฟ้าแลบ สีขาวเจิดจ้าหมุนคว้างเต็มไปทั้งห้อง ยายผีเด็กและองครักษ์ที่ยืนประจำสี่มุมห้อง ป่นเป็นผุยผงแหลกราญไปในพริบตา...!
โอ้โฮ...! อานุภาพแหวนจักรพรรดิ ร้ายกาจถึงปานนี้เชียวหรือ...? ยายผีนั่นจะแหลกหาซากไม่เจอขนาดไหนก็ช่างเถอะ สมน้ำหน้ามันเสือกมาบีบคอเรา แต่องครักษ์ทั้งสี่นั่นซิ...เทวดาทั้งนั้นนะ...!
อาตมากำหนดจิตเรียกสักเท่าไร สี่องครักษ์ก็ไม่เห็นกลับมา แม้จะจุดธูปขอขมาก็แล้ว สัญญาว่าจะไม่เผลอใช้แหวนจักรพรรดิอีกก็แล้ว หายเงียบเรียบร้อย คงหลบไปรักษาตัวกระมัง...? ถ้าเป็นคนคงเจ็บปางตายทีเดียว...
จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ สามปีเข้าไปแล้ว จะหาผีสักตัวมาแผ้วพานที่ตึกกองทุนก็แสนยาก โธ่...เขาผิดไปแล้วจริง ๆ ...ขอร้องล่ะ...กลับมาเถอะนะ คราวนี้จะอัดหนักขนาดไหนก็ยอมล่ะ...ช่วยกลับมาหลอกทีเถอะ...ผีจ๋า...!
๖ พฤษภาคม ๒๕๓๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ