ความจริงจังของหลวงปู่มั่นในเรื่องนี้ องค์หลวงตาซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้เคยเห็นหลวงปู่มั่นเรียกพระมาดุด่าสั่งสอนอย่างเข้มข้นด้วยตาตัวเอง ท่านจึงจำไม่ลืมตลอดมา สำหรับวิธีการเดินจงกรมตามแบบอริยประเพณีนี้ หลวงปู่มั่นสอนไว้เช่นกันว่า
“การเดินจงกรมกลับไปกลับมาไม่ช้านัก ไม่เร็วนัก พองามตางามมรรยาท ตามเยี่ยงอย่างประเพณีของพระผู้ทำความเพียร ท่าเดินในครั้งพุทธกาลเรียกว่าเดินจงกรมภาวนา เปลี่ยนจากวิธีนั่งสมาธิภาวนามาเป็นเดินจงกรมภาวนา เปลี่ยนจากเดินมายืน เรียกว่ายืนภาวนา เปลี่ยนจากยืนมาเป็นท่านอน เรียกว่าท่าสีหไสยาสน์ภาวนา เพราะฝังใจว่าจะภาวนาด้วยอิริยาบถนอนหรือสีหไสยาสน์ การทำความเพียรในท่าใดก็ตาม แต่ความหมายมั่นปั้นมือก็เพื่อชำระกิเลสตัวเดียวกัน ด้วยเครื่องมือชนิดเดียวกัน มิได้เปลี่ยนเครื่องมือ.. คือธรรม ที่เคยใช้ประจำหน้าที่และนิสัยเดิม ก่อนเดินจงกรม พึงกำหนดหนทางที่ตนจะพึงเดินว่าสั้นหรือยาวเพียงไรก่อน ว่าเราจะเดินจากที่นี่ไปถึงที่นั่น หรือถึงที่โน้น หรือตกแต่งทางจงกรมไว้ก่อน เดินอย่างเรียบร้อย สั้นหรือยาวตามต้องการ”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2015 เมื่อ 19:49
|