พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนวิชาลูกเสือจะยากตรงการยังชีพในป่า โดยเฉพาะการก่อไฟให้ใช้ไม้ขีดไม่เกิน ๓ ก้าน สมัยนี้มีไฟแช็กแก๊ส เขาไม่กลัวกันหรอก
สมัยนั้นเขาบังคับใช้ไม้ขีดไม่เกิน ๓ ก้าน แล้วต้องหาวิธีก่อไฟแบบอื่น วิธีก่อไฟที่ง่าย ๆ เลยก็คือเอาไม้สีกันอย่างหนึ่ง กับใช้เชือกทำลักษณะเป็นคันธนูแล้วก็ปั่น แต่ต้องปั่นเป็น อย่างไม้ที่สีกันนั้นจริง ๆ ไม่ใช่สีหรอก เป็นการถูแล้วอัดแรง ๆ ประมาณ ๒๐ วินาทีไฟก็ติดแล้ว แต่ต้องรู้วิธี รู้มุมรู้เหลี่ยม
อันดับแรกต้องเอาไม้ไผ่แห้งที่ไม่อ่อนและไม่แก่เกินไป เอามาขูดให้เป็นขุยให้ได้ขยุ้มใหญ่ ๆ แล้วเอาไม้ไผ่อีกซีกหนึ่งมาเฉาะให้เป็นรูเพื่อให้อากาศเข้าได้ แล้วเอาไปคร่อมไว้กับขุยไผ่กองนั้น แล้วเหลาไม้ไผ่อีกชิ้นหนึ่งให้เป็นเหลี่ยมค่อนข้างคม อย่าเหลาให้ลื่น เหลาให้ลื่นแล้วจะถูไม่เป็นไฟ เมื่อได้เหลี่ยมที่เหมาะได้เอามาถู ต้องทั้งแรงและเร็ว ขอยืนยันว่าไม่เกิน ๒๐ วินาทีจะเกิดสะเก็ดไฟไปติดอยู่กับขุยไผ่ที่เราขูดไว้ ให้รีบเป่า ก็จะติดเป็นเปลว ถ้าทำไม่เป็น ถูให้ตายก็ไม่ติด"
ถาม : ทำไมไม่ใช้เตโชกสิณเลยล่ะครับ ?
ตอบ : มักง่ายเกินไป กว่าจะฝึกได้มีหวังอดตายก่อน..! อาตมาเสียเวลาฝึกอยู่ตั้งหลายเดือน ฝึกจนหลังคามุ้งดำเลย ที่บ้านมีแต่ตะเกียงกระป๋อง อาตมาจะจุดตะเกียงกระป๋องไว้ในมุ้ง ถ้าแม่รู้นี่โดนตบหัวทิ่มเพราะเปลือง ก็ต้องทำเป็นขยัน ถือหนังสือไว้ด้วย แม่เขาคิดว่าอ่านหนังสือ แต่ความจริงเปล่าหรอก...กำลังเพ่งกสิณ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:58
|