ในการที่เราจะทำเช่นนั้นได้ ก็ต้องมีสมาธิเป็นกำลังใหญ่ในการที่จะตัดกิเลส ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า ในเรื่องของการทำความดีในพระพุทธศาสนานั้น คำตอบเกือบทั้งหมดอยู่ที่สมาธิภาวนา ก็แปลว่าปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติ ถ้าเราเอาใจจดจ่ออยู่กับการภาวนา เราก็จะได้รับคำตอบขึ้นมาเองเมื่อกำลังใจเข้าไปถึงจุดนั้น ๆ จะมีเพียงในส่วนท้ายของการตัดกิเลสเป็นสมุทเฉทปหานเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน ที่ต้องใช้การคิด การพิจารณาด้วยปัญญา แต่ก็เป็นการคิดพิจารณาโดยใช้กำลังของสมาธิเป็นเครื่องสนับสนุนอยู่นั่นเอง
ดังนั้น..การที่ท่านทั้งหลายสละทองคำซึ่งเป็นของที่มีค่าสูง เพื่อหล่อหลอมขึ้นมาเป็นพระพุทธนิมิตแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้มหาชนได้กราบไหว้บูชา เราเองก็ตั้งใจบูชาความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จัดว่าเป็นพุทธานุสติ เราเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์บริบูรณ์ แปลว่าเราเป็นผู้ทรงในสีลานุสติ เมื่อถึงเวลาเราเห็นอย่างชัดเจนว่าตัวเราก็ดี ตัวผู้รับการถวายของจากเราก็ดี ท้ายที่สุดก็เสื่อมสลายตายพัง ไม่มีใครสามารถตั้งอยู่ได้ ก็แปลว่าเราเห็นทุกข์เห็นโทษของการเกิดอย่างชัดเจน ก็ให้เอาใจจดจ่อว่าถ้าตายเมื่อไร เราขอไปที่พระนิพพานแห่งเดียว
เมื่อทำดังนี้แล้วก็ให้ทุกคนนึกถึงลมหายใจเข้าออกของเรา ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ก็กำหนดดู กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ก็กำหนดดู กำหนดรู้คำภาวนาของเราเอาไว้ ถ้าลมหายใจเข้าออกหมดไป คำภาวนาหมดไป ก็ให้รู้ว่าลมหายใจเข้าออกในตอนนี้หมดไป คำภาวนาในตอนนี้หมดไป อย่าอยากให้เป็นเช่นนั้น และอย่าดิ้นรนให้พ้นจากสภาพอย่างนั้น ปล่อยให้สภาพจิตเข้าสู่สมาธิขั้นสูง หรือคลายออกสมาธิด้วยตัวเอง
ถ้าเราทำดังนี้ได้ กำลังใจเราจะทรงตัวได้ง่าย ทำให้เราก้าวเข้าสู่สมาธิขั้นสูงขึ้นไปตามลำดับ ลำดับต่อไปนี้ก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัยจนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าและเถรี)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2012 เมื่อ 10:18
|