
09-11-2012, 06:08
|
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
|
|
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 733
ได้ให้อนุโมทนา: 22,386
ได้รับอนุโมทนา 61,870 ครั้ง ใน 1,100 โพสต์
|
|
อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กฝึกหัด
คืนนั้น เรารับประทานอาหารเย็นบนโต๊ะและม้านั่งทำด้วยไม้ไผ่ ใช้แสงสว่างจากเชิงเทียนไม้ไผ่ ซึ่งชาวบ้านทำขึ้นเพราะเขารู้ว่าแม่ชอบ เวลานอน ทุกคนต้องนอนกับพื้นในถุงนอนซึ่งอุ่นพอใช้ ตามปกติแม่เป็นคนนอนหลับยาก ต้องมืดและเงียบสนิทจึงจะนอนหลับได้ เวลาเดินทางไปที่ทุรกันดารแม่จึงต้องเตรียมหน้ากากปิดตา (ชนิดที่แจกบนเครื่องบิน) และขี้ผึ้งอุดหู (ซื้อที่อังกฤษ) ไปด้วยทุกครั้งเพื่อกันแสงและเสียง ถ้าคืนไหนนอนไม่หลับ รุ่งเช้าแม่ก็จะทำงานได้ตามปกติโดยไม่บ่นว่าง่วงเลย นอกจากนั้นก่อนนอนแม่จะต้องอัญเชิญพระสัมฤทธิ์ดำสมัยอู่ทองสูงประมาณ ๓ นิ้ว มาตั้งที่หัวนอนทุกหนทุกแห่งที่แม่ไป ไม่ว่าจะเป็นบ้านนอกหรือเมืองนอก พระองค์นี้แม่บอกว่าเคยเป็นของเสด็จตา เป็นที่น่าพิศวงที่พระองค์นี้อันตรธานหายไปตั้งแต่วันที่แม่ถูกยิงบนเฮลิคอปเตอร์
วันรุ่งขึ้น คณะของแม่เริ่มทำงานทั้งวัน คุณหมอและผู้ช่วยตรวจคนไข้ ฉีดยาปลูกฝี ฯลฯ แม่แจกสิ่งของพระราชทานแก่ชาวบ้าน ข้าพเจ้าก็ได้ช่วงส่งของให้แม่หรือแจกขนมให้เด็ก ๆ พอเมื่อยทีก็ไปดูผ้ากะเหรี่ยง ชาวกะเหรี่ยงแดงนั้นรู้จักทำมาค้าขายแล้วและหอบผ้าผ่อนมาขายเราเป็นพับ ๆ ข้าพเจ้าต้องยอมรับว่าตกใจมากครั้งแรกที่เห็นคนเป็นโรคคอพอก เพราะมีก้อนใหญ่กลม ๆ โป่งออกมาที่ลำคอ เวลานั้นชาวบ้านหลายคนยังเป็นโรคนี้อยู่ ข้าพเจ้ารู้สึกทั้งกลัว ทั้งสงสารและโล่งใจมากที่สุดเมื่อรู้ว่าไม่ใช่โรคติดต่อ
|
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย มุนินโท : 10-11-2012 เมื่อ 19:30
|