วันนี้ขออนุญาตเล่าเรื่อง "ภาพประทับใจ" ๑ เรื่องครับ และขออนุญาตบันทึกไว้ที่เว็บวัดท่าขนุน
เผื่อวันที่ผมตายไปจะได้มีคนทราบถึงประวัติความเป็นมาของพระพุทธรูปพระองค์นี้
พระพุทธรูปในภาพ คือ
"พระยอดซุ้มพิธีสืบชะตาพระอาจารย์เล็ก ปี ๒๕๕๓"
หลายท่านที่เคยไปร่วมพิธีสืบชะตาพระอาจารย์เล็ก อาจจะไม่ทันสังเกตเห็นพระพุทธรูปพระองค์นี้
ดังนั้นผมขออนุญาตเล่าถึงประวัติความเป็นมาของพระพุทธรูปองค์นี้ให้ทราบนะครับ
ประวัติความเป็นมาเดิม
ผมไม่ทราบว่า พระพุทธรูปองค์นี้ท่านใดสร้าง แต่ทราบว่า พระอาจารย์เล็กท่านเกิดวันอาทิตย์
ดังนั้น ผู้จัดงานจึงเลือกพระพุทธรูปปางถวายเนตร (ปางประจำวันอาทิตย์) ขนาด ๙ นิ้ว ปิดทองคำแท้ทั้งองค์
(ทราบมาว่า เข้าพิธีเสาร์ ๕ วัดท่าขนุนมาหลายวาระ) ประทับไว้บนยอดซุ้มในพิธีสืบชะตา พระอาจารย์เล็ก เมื่อปี ๒๕๕๓

พระอาจารย์เล็ก นั่งในซุ้มพิธีสืบชะตา เมื่อปี ๒๕๕๓ (พระพุทธรูปอยู่บนยอดของภาพนี้)
สำหรับตัวผมแล้ว "
พระพุทธรูปพระองค์นี้" มีความสำคัญมาก นั่นเพราะเป็น "พระยอดซุ้ม พิธีสืบชะตาพระอาจารย์เล็ก"
ซึ่งเสมือนพระประธานในวันสำคัญที่ "ลูกหลานและผู้มีความเคารพในพระอาจารย์เล็ก" ร่วมแรง ร่วมใจ และร่วมปัจจัยกันจัดขึ้น
สิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้ คือ
"ความสามัคคีของหมู่คณะ"
*********************************************
อยู่มาวันหนึ่ง "พระอาจารย์เล็ก" ได้เมตตามอบพระพุทธรูปองค์นี้ให้ "ทีมงานเว็บวัดท่าขนุน"
นำมาประมูลเพื่อทำบุญ วันนั้นผมคิดว่า ผมต้องประมูลพระองค์นี้ให้ได้ เพราะผมเกิดวันอาทิตย์
และตั้งใจจะเอาไปให้คุณพ่อผม ซึ่งเกิดวันอาทิตย์เหมือนกัน เพื่อที่จะได้เป็นพระประธานที่บ้าน
ผมจึงอธิษฐานขอ "พระ" ให้ผมประมูลพระพุทธรูปองค์นี้ได้
ช่วงนั้น "อาเสี่ย" ทั้งหลายกำลังประมูลวัตถุมงคลเพื่อทำบุญในหลายกระทู้
แต่น่าแปลกที่ "อาเสี่ย" ไม่โผล่เข้ามาในกระทู้นี้
จนวันสุดท้ายของการประมูล ผมได้อธิษฐานซ้ำอีกครั้งว่า "ขอให้ผมประมูลชนะ"
และสุดท้ายผมก็ประมูลชนะที่ ๕,๕๕๕ บาท (ดีใจมาก ๆ)
***************************************
หลังจากประมูลได้
เมื่อผมได้รับพระพุทธรูปพระองค์นี้มาแล้ว ผมเริ่มคิดว่า "ถ้าผมเอาไปให้พ่อผม คนที่มีความสุขมีแค่ ๓ คน คือ พ่อ แม่ และผม"
แต่ถ้าผมเอาไปถวายพระอาจารย์เล็กคืน น่าจะมีประโยชน์มากกว่า เพราะผมเชื่อว่า "สัญลักษณ์ของพิธีสืบชะตา พระอาจารย์เล็ก ปี ๒๕๕๓"
ก็คือ "พระพุทธรูปพระองค์นี้" และผมคิดว่า "พ่อผมก็คงได้บุญด้วย" ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะถวายคืนพระอาจารย์เล็ก
หลังจากผมตัดสินใจได้แล้ว ช่วงนั้นผมได้ตั้ง "ชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต" ขึ้น เพื่อชวนคนที่ศรัทธาในหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุงมาทำบุญร่วมกัน
ผมจึงชวนเพื่อน ๆ ประดับเพชรพระพุทธรูปพระองค์นี้ และได้ให้ช่างประดับพลอยสีแดงด้วย (สีแดงเป็นสีประจำวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่พระอาจารย์เล็กเกิด)
ดังนั้น พระพุทธรูปปิดทองที่เกิดขึ้นจาก "ความรัก ความศรัทธาของลูกหลานพระอาจารย์เล็ก" ที่ร่วมกันจัดพิธีสืบชะตาพระอาจารย์เล็กขึ้น
ผนวกกับ "เพชรและพลอยสีแดง" ที่ประดับบนพระพุทธรูปทีละเม็ด ทีละเม็ด ดังนั้นพระพุทธรูปองค์นี้จึงเต็มบริบูรณ์ด้วย
"ความรักของลูกหลานที่มีต่อพระอาจารย์เล็ก"
***************************************
ก่อนถวาย
ตอนนั้นผมทราบมาว่า พระอาจารย์เล็กท่านมีโครงการจะสร้างศาลาหลังใหม่และผมคิดว่าจะถวาย "พระพุทธรูปองค์นี้" ไว้
เพื่อให้คนรุ่นหลังหรือคนที่มาใหม่ได้ระลึกถึง "ความรักและความสามัคคีของหมู่คณะ" ที่มีต่อพระอาจารย์เล็ก
และตั้งใจว่าจะ
"เอ่ยปากขอท่านให้ประดิษฐานไว้ในศาลาหลังใหม่" ให้คนได้กราบไหว้ขอพรเพื่อสะเดาะเคราะห์และสืบชะตา
แต่ในใจก็กลัวว่าจะเป็นการ "ใช้พระ"
โชคดีที่วันหนึ่ง มีคนเอาของไปถวายพระอาจารย์เล็กแล้วไปสั่งให้ท่านทำโน่นทำนี่ แล้วโดนพระอาจารย์ท่านดุเอาว่า
"ถ้าถวายแล้วก็ถวายเลย ไม่ต้องมาสั่ง" ผมรู้เลยว่าที่ท่าน "ดุ" ก็เพราะว่าท่านรักและไม่อยากให้เกิดโทษกับคน ๆ นั้น
ดังนั้นผมจึงวางกำลังใจใหม่ว่า "พวกเราจะร่วมใจกันถวายพระพุทธรูปพระองค์นี้แด่พระอาจารย์เล็ก"
ซึ่งเป็นที่เคารพรักของพวกเรา พวกเรา "จบ" ที่การถวายก็พอ ส่วนท่านจะจัดการอย่างไรต่อนั้นก็แล้วแต่ท่าน
***************************************
วันถวาย
เดิมทีผมตั้งใจจะนำ "พระพุทธรูปองค์นี้" ไปถวายด้วยตัวเอง แต่ผมติดประชุม "ด่วน" ทำให้ไม่สามารถไปได้
ผมจึงฝากพี่ ญ.ผู้หญิง ไปถวาย ผมจำได้ว่า วันนั้นเป็นวันที่ลูกหลานของพระอาจารย์เล็ก
"บวชถวายเพื่อแสดงมุทิตาจิตต่อพระอาจารย์เล็กกันหลายรูป" ที่วัดท่าขนุน
วันนั้นพี่ ญ.ผู้หญิง เล่าให้ฟังว่า หลังจากถวายแล้ว พระอาจารย์เล็กเมตตาอุ้มพระกลับไปที่กุฏิของท่านด้วยตัวเอง
ผมได้ฟังแล้วก็ยอมรับว่า "ดีใจมาก" (เป็นธรรมดาสำหรับคนที่กำลังใจยังอ่อนแบบผม)
***************************************
หลังถวาย
หลังจากถวายพระพุทธรูปแล้ว ผมคิดว่า "ชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต"
ยังไม่มี "โลโก้ของชมรม" เพราะโลโก้ในเฟซบุ๊กที่ผมใช้ส่วนตัวเป็นรูปผมตอนเด็ก ซึ่งไม่เหมาะสม
ดังนั้นผมจึง
"อาราธนาพระรูปของพระพุทธรูปพระองค์นี้"
เป็นโลโก้ประจำของ "ชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต"และใช้มาจนถึงปัจจุบัน

โลโก้ประจำของ "ชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต"
มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วว่า "พระพุทธรูปพระองค์นี้" จะเสด็จไปประทับที่ใด
เพราะทุกครั้งที่ผมเห็น
"โลโก้ชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต" ผมจะนึกถึงความเมตตาของพระอาจารย์เล็กที่มีต่อพวกเราทุก ๆ คนครับ
"เป็นพระที่อยู่ในใจของสมาชิกชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต และกัลยาณมิตรทุก ๆ คน"
ทั้งหมด คือ ความประทับใจที่มีต่อภาพ "พระพุทธรูปพระองค์นี้" ครับ
แต่ยังไม่จบนะครับ ผมจะมาเล่าตอนที่ ๒ ให้อ่านครับ วันนี้ขอตัวนำ
"ทองคำสำหรับสร้างพระพุทธพลังจิต" ไปให้ช่างก่อนนะครับ