ถาม : ผมไม่เข้าใจว่า การพยากรณ์มรรคผลเป็นอย่างไร ?
ตอบ : การพยากรณ์มรรคผลเป็นหน้าที่ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น คนทั่ว ๆ ไปอย่าไปยุ่ง เรารู้ไม่จริงหรอก
การฝึกมโนมยิทธิทั่ว ๆ ไป เวลาเราดูให้คนอื่นจะแม่น แต่ดูให้ตัวเองจะไม่แม่น เพราะการดูให้คนอื่นส่วนได้เสียไม่มี แต่พอดูให้ตัวเองเวลาเห็นว่าไม่ดี เราก็จะคิดว่าน่าจะดีนะ ทีนี้จะเริ่มผิด และพอเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ก็จะทำให้ใจก้าวเข้าไปสู่รัก โลภ โกรธ หลง แล้วก็จะผิดยาวเลย
อย่างเช่น แทนที่จะไปดูว่าตัวเองเกิดมากี่ชาติกี่ภพแล้ว มาชาตินี้ควรจะเข็ดหรือยัง ? ก็ไปดูว่าหวยจะออกอะไร ? ถ้าอย่างนั้นจะโดนกิเลสอุปาทานหลอกเอา
ถาม : ถ้าบอกว่าคนนี้เป็นพระอรหันต์แล้ว คนนี้เป็นพระสกิทาคามี ?
ตอบ : จะเรียกว่าการพยากรณ์มรรคผลก็ได้ บุคคลที่อยู่ระดับเดียวกันจะรู้บุคคลในระดับเดียวกันและต่ำกว่า แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็จะไม่พูดถึง การพูดถึงจะพูดในลักษณะของการยกย่อง พูดถึงในส่วนความดีงามของเขา จะไม่มีการพูดในลักษณะไปกดข่มคนอื่น ฉะนั้น..ต้องดูกำลังใจของคนพูดด้วยว่าอยู่ในระดับไหน
เหมือนคนเรียนจบปริญญาตรีย่อมรู้ว่าคนจบปริญญาตรีเขาเรียนอะไรมา ขณะเดียวกันก็รู้ว่าคนที่ความรู้ต่ำกว่าว่าเรียนอะไรมา แต่ไม่รู้ว่าคนจบโทหรือเอกเขาเรียนอะไรกัน เพราะตัวเองยังเรียนไม่ถึง ฉะนั้น..เรื่องพยากรณ์มรรคผลหรือดูกำลังใจคนอื่น ดูได้ในระดับที่เท่ากันและต่ำกว่าเท่านั้น สูงกว่าดูเขาไม่ได้
ถาม : คนใดเรามองว่าเป็นอริยบุคคล แต่ในบางกิริยาที่ท่านทำ เราอาจจะมองว่าไม่น่าใช่
ตอบ : แปลว่าคุณยังขาดความมั่นใจในตัวท่าน ถ้ามีความมั่นใจในตัวท่านจริง จะไม่สงสัยเลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-10-2012 เมื่อ 14:35
|