๕. ท่านหญิงท่านก็ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ และก็พ้นทุกข์ได้จริงตามที่พระองค์ตรัสไว้ มิได้ไปอาศัยการเข้าทรง ให้องค์นั้นองค์นี้มาประทับมาสอนให้วุ่นวายไปหมด ท่านมีปัญญาอันเกิดจากอธิศีลและอธิจิต ทำให้เกิดปัญญาอันเป็นสัมมาทิฏฐิ หมดสงสัยในธรรมที่หลวงพ่อท่านสอนว่าเป็นสัมมามรรค เป็นสัมมาปฏิปทา จนพ้นทุกข์ได้จริงภายในเวลา ๘ เดือนเท่านั้น ท่านใช้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ได้พึ่งสิ่งอื่นนอกตัว หรืออำนาจของผู้อื่นมาบันดาลให้เกิดผล
๖. ผู้ใดที่อ่านบุคคลตัวอย่าง (ท่านหญิงวิภาวดี รังสิต) ของหลวงพ่อท่านแล้ว หากกลับไปทบทวนดูใจ ดูอารมณ์ของตนเองอย่างเป็นธรรม ย่อมต้องเห็นความชั่ว ความเลวของจิตของตนเองอีกมากมาย
เหมือนกับที่ผมเห็นอารมณ์ชั่ว อารมณ์เลวของผมอยู่เกือบตลอดเวลา และพยายามแก้ไขต่อสู้กับมันอยู่เกือบตลอดเวลาเช่นกัน (อัตตนา โจทนัตตานัง) คอยเพ่งดูจิตตนเอง คอยจับผิดที่ใจตนเอง และคอยแก้ไขความผิดที่ใจตนเองไว้เสมอ เป็นอกาลิโก แต่ก็ยังพบความชั่วความเลวอยู่ทุก ๆ วัน
จึงขอยืนยันว่า หากผู้ใดที่ยังไม่เห็นความชั่ว ความเลวที่ใจตนได้ ผู้นั้นจะไม่มีทางละความชั่วได้ (เพราะมิจฉาทิฏฐิเป็นเหตุ) แต่หากผู้ใดเข้าใจแล้ว กลับตัวกลับใจได้ (มาเป็นสัมมาทิฏฐิ) ก็ไม่มีอะไรที่สายเกินแก้ในพระพุทธศาสนา
(ส่วนดีของบทความนี้ ขออุทิศถวายแด่ พระองค์เจ้าหญิงวิภาวดี รังสิต ส่วนเลวผมขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว)
|