| 
				  
 
			
			พระอาจารย์เล่าว่า  "ก่อนที่หลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม จะมรณภาพ ช่วงวันเกิดของท่านอาตมาก็ไปกราบถวายสักการะท่าน  ท่านกวักมือเรียกเข้าไปใกล้ ๆ  ตอนนั้นท่านเจ้าคุณราชพุทธิวราภรณ์ วัดกวิศรารามที่ลพบุรี  ดูแลท่านอยู่  ท่านเจ้าคุณฯ บอกว่า  “เอียงหูเข้าไปเลย หลวงพ่อท่านจะได้ไม่ต้องพูดดัง”
 หลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ท่านพูดขาดเป็นช่วง ๆ แต่ความจำท่านแม่นมาก ท่านบอกว่า “เรื่องพระอุปัชฌาย์ ผมต้องขอโทษคุณด้วย ผมมีโควตาให้ภาค ๑๔ อยู่ ๓๐ รูป สุพรรณบุรีขอมาก็ ๒๑ รูปแล้ว พระอุปัชฌาย์เป็นโควตาของเจ้าคณะตำบล  ต้องให้เขาก่อน คุณไปขอสัญญาบัตรมาก็แล้วกัน”   อาตมาไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านจึงให้ขอสัญญาบัตรแทน   อาตมาก็ตอบ "ครับ ๆ" แต่ก็ไม่ได้ขอไปเหมือนเดิม
 
 หลังจากวันเกิดไม่นาน หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านก็มรณภาพ ตอนนั้นอาตมาก็ยังเกรงว่าท่านจะห่วงงาน มรณภาพแล้วจะไปดีหรือเปล่า ? ปรากฏว่าไปดี  ต้องบอกว่าโรคมะเร็งช่วยพระไปดีหลายรูปแล้ว อย่างหลวงพ่อพระเทพวิสุทธิเวที วัดอนงคาราม หรือหลวงพ่อเจ้าคุณไสว ที่ร่วมวงน้ำปลาพริกป่นกับหลวงพ่อวัดท่าซุงนั่นแหละ ท่านก็เป็นมะเร็ง  ท่านบอก.. (บอกหลังจากท่านเสียแล้ว) ว่า
 
 "พอจนแต้มขึ้นมาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็นึกถึงมหาวีระที่เคยสอนกรรมฐาน บอกว่าอานาปานสติระงับกายสังขารได้ เจ็บไข้ได้ป่วยก็เหมือนไม่ป่วย ก็เลยต้องภาวนา" ไปได้ดีตอนนั้น ภาวนาอารมณ์ใจทรงตัว มรณภาพแล้วไปได้ไปเป็นพรหม ไม่อย่างนั้นป่านนี้ไปไหนก็ไม่รู้"
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2012 เมื่อ 02:41
 |