"วัสสการพราหมณ์ก็ข้ามออกไปยังแคว้นวัชชี ข่าวไปถึงแคว้นวัชชีเร็วมาก แสดงว่าเขามีจารบุรุษหรือจารชนอยู่ เมื่อข่าวไปถึง เสียงส่วนใหญ่ก็บอกว่าอาจเป็นกลลวงของแคว้นมคธ แต่ว่าบรรดากษัตริย์แคว้นวัชชีมีความมั่นใจในความสามัคคีของตนเอง ต่อให้เป็นกลลวงก็ไม่น่าจะทำอะไรได้ วัสสการพราหมณ์เป็นพราหมณ์ผู้ใหญ่ มีความรู้มาก เรารับเขาไว้ดีกว่า เสียดายความรู้เขา เอามาสอนบรรดาราชกุมารของเราจะดีกว่า
จริง ๆ เขาคิดถูก แต่เขาไม่รู้ฤทธิ์วัสสการพราหมณ์
เมื่อวัสสการพราหมณ์ไปสอนบรรดาราชกุมาร แรก ๆ เขาก็สอนตามปกติ พอผ่านไประยะหนึ่ง เขาเริ่มไว้ใจ แกก็ออกลาย เมื่อเลิกเรียนแล้วก็ปล่อยบรรดาราชกุมารกลับ วัสสการพราหมณ์ก็จะเรียกราชกุมารไว้คนหนึ่ง พาเข้าไปในห้องกันสองต่อสอง หายเงียบไปนานเลย แล้วก็ส่งกลับ เมื่อทำแบบนี้เข้า เพื่อน ๆ ราชกุมารก็ถามว่าอาจารย์เรียกไปสอนอะไร กุมารที่เข้าไปก็บอกไม่มีอะไรนี่ ก็เลยสงสัยกันว่าอาจารย์อาจให้วิชาการอะไรดี ๆ ถ่ายทอดให้อีกคน
วันรุ่งขึ้นก็เรียกไปอีกคนในลักษณะเดียวกัน ท้ายสุดทุกคนก็หวาดระแวงว่าอีกฝ่ายจะได้ความรู้มากกว่า ก็เอาเรื่องไปบอกพ่อของตน บรรดากษัตริย์ทั้งหมดก็ระแวงกัน ว่าลูกคนนี้มันเก่งกว่าลูกเรา เดี๋ยวมันจะได้ครองเมืองคนเดียว ทีนี้ก็ไปกันใหญ่ เมื่อหวาดระแวงถึงที่สุด ไม่อยากจะมองหน้ากัน ก็เริ่มขาดประชุม แรก ๆ ก็ขาดไม่กี่คน หลัง ๆ ก็ขาดเยอะ วัสสการพราหมณ์ใช้เวลาปฏิบัติการนี้อยู่สามปีเต็ม ๆ ท้ายสุดก็ใช้วิธีตีกลองประชุมปรากฏว่าไม่มีกษัตริย์มาเข้าประชุมเลย วัสสการพราหมณ์ก็ส่งข่าวไปบอกพระเจ้าอชาตศัตรูให้ยกทัพมา
ไม่ทราบว่าพระเจ้าอชาตศัตรูแค้นมากหรือกลัวฝีมือแคว้นวัชชี ท่านเล่นยกทัพมาทำลายแคว้นวัชชีจนไม่เหลือซากเลย เรื่องก็จบลงตรงนี้ เรารู้จักวัสสการพราหมณ์ในฐานะตัวแสบที่คอยยุแหย่ให้เขาแตกกัน
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปปลงสังขาร ที่ปาวาลเจดีย์ พระอานนท์ก็กราบทูลถามว่า "วัสสการพราหมณ์เมื่อรู้จุดแข็งจุดอ่อน ย่อมหาทางทำลายแคว้นวัชชีได้ แล้วทำไมพระองค์จึงได้ตรัสบอกไปเช่นนั้น?" พระพุทธเจ้าบอกว่า ที่ท่านตรัสเช่นนั้นด้วยความเมตตาเพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าหากว่าไม่กล่าวเช่นนั้น พระเจ้าอชาตศัตรูจะยกทัพไปตีแคว้นวัชชีภายในวันนั้นเลย เมื่อแข็งกับแข็งปะทะกันเลือดก็นองเป็นท้องธาร แต่ถ้าหากว่าบอกแบบนั้นไป วัสสการพราหมณ์จะใช้เวลาถึงสามปี จึงจะสร้างความแตกแยกในหมู่ภายในได้ อย่างน้อยแคว้นวัชชีจะดำรงอยู่ได้ถึงสามปี"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 23-06-2015 เมื่อ 14:48
|