พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนเวลาเราต้องการไปหาใคร แค่รู้ว่าเขาอยู่ตำบลไหน หมู่บ้านไหน ไปถึงก็ไปถามหา ถามคนบ้านเดียวกันเขาบอกได้หมด บอกได้ขนาดว่าเป็นลูกใครหลานใคร สมัยนี้ต่างจังหวัดยังพอพึ่งพาอาศัยได้ แต่ในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่แล้วประตูรั้วติดกันก็ไม่รู้จักกัน
ยิ่งมายุคนี้ยิ่งหนักขึ้น เพราะแต่ละคนจะก้มอยู่กับไอแพ็ดหรือแบล็กเบอร์รี่ในมือตัวเอง แล้วก็หันหลังให้กัน ส่งข้อความถึงกัน ไม่รู้จักกันสักที แทนที่จะดีขึ้นก็มีแต่อาการหนักขึ้น แล้วอีกอย่างก็คือ ความเจริญที่เข้ามา ทำให้คนเดินทางได้สะดวกขึ้น ดังนั้นบุคคลที่อาศัยในพื้นที่มักจะเป็นคนที่มาใหม่ ไม่ใช่บุคคลที่อยู่กันมานาน ๆ เมื่อไม่ได้อยู่กันมานาน ๆ ก็ไม่สามารถที่จะสืบสาวประวัติได้เหมือนก่อน
ก่อนนี้พอตั้งรกรากลงไปก็อยู่กันไปชั่วลูกชั่วหลาน สมัยนี้ย้ายที่อยู่กันเป็นว่าเล่น อย่างที่มีคนเขาบอกว่า "อ๋อ..มหาวีระนะหรือ ? อยู่ใกล้บ้านผมเอง" หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า "ถ้าได้ยินอย่างนั้น อย่าไปเชื่อโคตรแม่มันนะ..!" อาตมากราบเรียนถามว่า "ทำไมครับ ?" ท่านบอกว่า "ตำบลสาลี พี่น้องทางพ่อ ๖ คน ครองที่ดินเกือบทั้งตำบล แล้วเขาจะมาสร้างบ้านใกล้บ้านข้าได้อย่างไร ? " ก็แปลว่า คนที่จะอยู่ใกล้ต้องเป็นญาติกันจริง ๆ ไม่ใช่มาหลับหูหลับตาโม้ว่าอยู่ข้างบ้านผมเอง แล้วเราก็ไปเชื่อ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2012 เมื่อ 03:07
|