กำลังใจเห็นคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแท้จริง
ถาม : ทีนี้ผมมาสังเกตตัวผมเอง เมื่อสักปี ๓๗ ผมขึ้นไปนั่งสมาธิ ตอนทุ่มหนึ่งแล้วผมนั่งสมาธิแบบภาวนา “พุทโธ” ไปเรื่อย ๆ ก็มาเห็นสว่างเหมือนกับกลางวัน แล้วก็เห็นเป็นพระพุทธองค์ใหญ่อยู่ในอากาศ ก่อนหน้านั้นผมมานั่งพิจารณาว่า เกิดเป็นทุกข์ เจ็บเป็นทุกข์ ตายเป็นทุกข์ อะไรทั้งหลายไล่ไปเรื่อย ทำหลังทำวัตรเช้า เกิดความเข้าใจซาบซึ้งจนร้องไห้ว่า เออ ! เกิดมาเป็นมนุษย์ไม่เห็นดีตรงไหนเลย ก็บอกว่าไม่น่าเกิดแล้ว เชื่อตอนนั้น ตรงนั้นก็ร้องไห้ และตั้งแต่วันนั้น ผมก็เลยว่า จะถือศีล ๕ ตลอดชีวิตเลย จะเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ?
ตอบ : นั่นเป็นประสบการณ์ในการปฏิบัติ ซึ่งคนที่ทำถึงตรงจุดนั้นแล้วจะมีกำลังใจ เพราะว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่คนอื่นไม่รู้ไม่เห็น เขาได้รู้เห็น
ถึงเคยบอกว่า คนเราถ้าหากว่าทำได้ถึงปฐมฌาน ถ้ารู้จักคิดจะไม่มีการตกต่ำอีก เพราะว่าทันทีที่จิตเข้าสู่ระดับของปฐมฌาน ตัวรัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นไฟใหญ่ ๔ กอง เผาเราอยู่นั้น จะโดนอำนาจของฌานกดดับลงชั่วคราว จะเกิดความสุขเยือกเย็นอย่างชนิดที่พรรณนาเป็นคำพูดไม่ถูก
คราวนี้ถ้าคนมีปัญญา เขาจะคิดว่า โอหนอ..แค่ปฐมฌานที่เราทรงได้ยังมีความสุขขนาดนี้ คนที่ได้ ฌาน ๒ ฌาน ๓ ฌาน ๔ เขาจะสุขขนาดไหน ?
บุคคลที่ได้ฌาน ๒ ฌาน ๓ ฌาน ๔ ได้สมาบัติ ๘ ถึงสุขขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่ได้เศษหนึ่งส่วนสิบหกของความเป็นพระโสดาบัน
เป็นพระโสดาบันสุขมากขนาดนั้นแล้ว พระสกิทาคามีที่เหนือกว่าจะสุขขนาดไหน ? พระอนาคามีที่เหนือยิ่งขึ้นไปจะสุขขนาดไหน ?
กำลังใจก็จะเห็นคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแท้จริง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถ้าหากว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น ก็จะเป็นการเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยกาย วาจา ใจ อย่างเที่ยงแท้ ไม่สักแต่ว่ากราบด้วยมือ ด้วยกาย ตอนนี้ปากว่าไปใจก็จะน้อมตามไปด้วย
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้ายึดพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ก็ยึดจริง ๆ ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้ายึดพระธรรมเป็นที่พึ่ง ก็ยึดจริง ๆ ด้วยกาย วาจา ใจ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอยึดพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ก็ยึดจริง ๆ ด้วยกาย วาจา ใจ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-05-2016 เมื่อ 15:08
|