แต่ท่านเป็นคนเก่ง บวชเข้าไปไม่นานก็ศึกษาจนจบพระไตรปิฎก ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ประมาณจบประโยค ๙ พอมีลูกศิษย์มาก คนเชื่อถือเคารพมาก ท่านก็เกิดวิปลาสคือความเห็นผิดขึ้นมา เที่ยวไปพยากรณ์มรรคผลคนอื่น ลูกศิษย์ก็สงสัยไปถามพระอาจารย์ว่า "พระอาจารย์บอกว่าผมได้มรรคผลแล้ว ทำไมมีหัวข้อธรรมบางอย่างที่ผมยังขบคิดไม่เข้าใจ ?"
พระมหาเทวะบอกว่า พระอรหันต์ก็ยังมีอัญญาณ ก็คือสิ่งที่ไม่รู้ ลูกศิษย์บอกว่า "ถึงแม้จะมีสิ่งที่ไม่รู้ได้ แต่การบรรลุธรรมเป็นปัจจัตตังไม่ใช่หรือ ? ผมก็ควรรู้สิว่าผมบรรลุแล้ว" พระมหาเทวะก็เอ่ยถึงมติข้อที่ ๒ ว่า "พระอรหันต์ต้องมีอาจารย์พยากรณ์ให้ ถึงจะรู้ว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์"
คราวนี้ตัวเองไม่ได้เป็นพระอรหันต์ พอถึงเวลาไปเที่ยวพยากรณ์คนอื่นเขา เขาก็คิดว่าท่านเป็นพระอรหันต์ด้วย ปรากฏว่าวันหนึ่ง พระมหาเทวะนอนแล้วฝันเปียก ลูกศิษย์เอาผ้าสบงไปซัก เห็นเข้าก็สงสัยว่า "พระอาจารย์ยังฝันเปียกอยู่เลย จะเป็นพระอรหันต์ได้อย่างไร ?" พระมหาเทวะบอกว่า “พระอรหันต์ก็อาจจะโดนมารยั่วในความฝันได้” เป็นมติที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย
พอโดนลูกศิษย์จี้หนักเข้า ท่านก็เครียด ท่านก็แอบไปบ่นว่า “อะโห ทุกขัง" ลูกศิษย์ดันได้ยินอีก จึงถามพระอาจารย์ว่า "เป็นพระอรหันต์แล้วยังทุกข์หรือ ?" ลูกศิษย์นี่สุดยอดจริง ๆ เลย พระมหาเทวะบอกว่า "บุคคลจะบรรลุอรหันต์ได้ต้องภาวนาว่า “อะโห..ทุกขัง” แก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ อีก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2012 เมื่อ 14:26
|