![]() |
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๕ |
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตั้งแต่เช้ามืด กระผม/อาตมภาพก็ได้ทำการบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัยให้กับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน
การบวงสรวงนั้นได้ทำต่อหน้ารูปหล่อของหลวงปู่เพิ่ม (นะสีเล) อดีตเจ้าอาวาสวัดอุทยาน เพื่อที่จะขออนุญาตในการจัดงานภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ และขออนุญาตสร้างรูปหล่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔ ศอก ประจำมณฑปหน้าอาคารปฏิบัติธรรม ของสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดนนทบุรีแห่งที่ ๑๕ (วัดอุทยาน) แล้วหลังจากนั้น กระผม/อาตมภาพก็ได้นำพระภิกษุสามเณรและญาติโยมทั้งหลาย ร่วมกันภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ โดยที่ในพิธีนี้ พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. ได้ทำวัตถุมงคลมาเข้าพิธีด้วย กระผม/อาตมภาพเมื่อเห็นองค์พระปัจเจกพุทธเจ้า เจ้าของพระคาถาเงินล้านลอยอยู่เหนือบริเวณพิธี สว่างยิ่งกว่าพระจันทร์วันเพ็ญเป็นร้อยเท่า ก็กราบถวายความไว้วางใจ แล้วแต่พระองค์ท่านจะสงเคราะห์ ตนเองก็เข้าสมาธิยาวไปเลย จนกระทั่งพระองค์ท่านบอกว่าพอแล้วก็คลายสมาธิออกมา พรมน้ำมนต์รอบวัตถุมงคลในพิธี จากนั้นก็มาร่วมการภาวนาพระคาถาเงินล้านต่ออีกประมาณ ๔๐ นาที การภาวนายาว ๆ แบบนี้ หลายท่านที่อยู่ในบริเวณพิธีก็ดี ฟังอยู่ทางบ้านและตั้งใจภาวนาพระคาถาตามไปด้วยก็ตาม ด้วยความที่ท่านเอาแต่เข้าสมาธิอย่างเดียว จึงเกิดอาการเหมือนกับหม้อแบตเตอรี่เต็ม ใกล้จะระเบิด มีอาการเครียด โดยที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเครียดอีกด้วย ในเรื่องของการปฏิบัติสมาธิภาวนานั้น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายปฏิบัติโดยการเคลื่อนไหว อาการเครียดทั้งหลายเหล่านี้ก็จะไม่มี เพราะว่าไม่ว่าจะปฏิบัติไปนานเท่าไรก็ตาม ก็มีการถ่ายเทพลังงานไปที่การเคลื่อนไหวบ้าง ที่การพินิจพิจารณาบ้าง แต่ว่าท่านทั้งหลายสมถะก็นิ่งอยู่อย่างเดียว พิจารณาก็ไม่ทำ จึงเกิดอาการตัน เพราะว่าสะสมพลังงานเต็มแล้วไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรต่อ ถ้าในลักษณะแบบนี้อันตรายมาก เพราะว่าท่านทั้งหลายอาจจะพบกับอาการที่กิเลสฉกฉวยเอากำลังสมาธิที่ท่านทำได้ ฟุ้งซ่านไปใน รัก โลภ โกรธ หลงแทน เนื่องจากว่าท่านไม่ยอมเอาไปคิดพิจารณาในวิปัสสนาญาณ ในเมื่อกำลังเหลือเฟือ โดนกิเลสดึงเอาไปรัก โลภ โกรธ หลง แทน ก็จะฟุ้งซ่านอย่างเป็นจริงเป็นจัง เป็นหลักเป็นฐานมาก ถ้าอยู่ในสภาพนั้นก็ต้องบอกว่า "เวรกรรม" เพราะว่าเท่ากับท่านเลี้ยงเสือเอาไว้กัดกินตนเอง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมถึงโดนเสือกินจนหมดตัวในลักษณะแบบนั้น ? แปลว่าเราเลี้ยงโจรเอาไว้ปล้นตนเอง เพราะว่าสะสมกำลังเอาไว้แล้ว ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้อะไรต่อ |
เรื่องของการปฏิบัติกรรมฐานนั้น สมถะกับภาวนาต้องไปคู่กัน คำว่าภาวนาในที่นี้คือการพิจารณาวิปัสสนาญาณนั่นเอง เพราะคำว่า "ภาวนา" แปลว่า "ทำให้เจริญขึ้น" ในเมื่อเรามีกำลังแล้ว ไม่ยอมยกอาวุธไปตัดไปฟันกิเลสให้ขาดเสียที เลยโดนกิเลสขโมยเอาอาวุธนั้นมาสับมาฟันตัวเรา กลายเป็นว่าหลายท่านอาจจะเข็ดไปเลย กับการที่กิเลสตีกลับ ฟุ้งซ่านแล้วเอาไม่อยู่ ทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเลิกการปฏิบัติธรรมไปมากต่อมากด้วยกัน
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีภาวนาพระคาถาเงินล้าน และได้อุทิศส่วนกุศลแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้เปิดโอกาสให้ญาติโยมทั้งหลายร่วมบุญด้วย โดยที่มอบปัจจัยทั้งหมด ๑๙๔,๑๐๐ บาทให้กับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เอาไว้สำหรับใช้ในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดอุทยานแห่งนี้ จากนั้นไปร่วมกันปล่อยปลาที่ริมท่าน้ำคลองบางกอกน้อย โดยมีตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ผู้เป็นรุ่นพี่ เกิดจากโบสถ์วัดท่าซุงมาด้วยกัน แต่ว่าพรรษาท่านมาก อยู่ในระดับครูบาอาจารย์แล้ว มีหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย ร่วมกันปล่อยปลาลงแม่น้ำไป ๑,๓๐๐ กิโลกรัม แล้วจึงเดินต่อไปบริเวณที่หล่อพระ เพื่อร่วมด้วยช่วยกันในการเทปูนหล่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔ ศอก ประจำมณฑปหน้าอาคารปฏิบัติธรรม ของสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดนนทบุรีแห่งที่ ๑๕ (วัดอุทยาน) หลังจากนั้นกระผม/อาตมภาพก็กลับไปยังที่พัก โดยมีคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม เจ้าของเอ็นซีทัวร์ มานิมนต์ให้เดินทางร่วมกันในทริปต่าง ๆ ซึ่งได้ตั้งเป้าเอาไว้ถึง ๓ - ๔ ทริปด้วยกัน และเป็นทริปที่อันตรายจนกระทั่งไม่มีใครไปด้วย คุณนวลจันทร์ ซึ่งอายุถึง ๘๐ ปีแล้วได้บอกว่า "ถ้าหากว่าโยมได้ไปในทริปทั้งหลายเหล่านี้ก็จะตายตาหลับ" กระผม/อาตมภาพเองก็เห็นด้วย เพราะว่าตนเองก็อายุกาลผ่านวัยมากขึ้นทุกปี ถ้าได้ไปในที่อันตรายชนิดที่คนไม่อยากไปเลย ก็ถือว่าเป็นกำไรชีวิตที่หาได้ยาก โดยเฉพาะตัวกระผม/อาตมภาพเองนั้น ถ้าหากว่าไม่มีใครนิมนต์โดยจ่ายค่าเดินทางให้ ก็จะไม่ไปเที่ยวที่ไหนโดยเด็ดขาด เพราะว่าเงินสงฆ์นั้นสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ไม่ควรที่จะนำมาเที่ยวอีลุ่ยฉุยแฉกแบบนี้ โดยเฉพาะในทริปอันตรายแบบนี้ ทางด้านคุณนวลจันทร์ก็ได้บอกกล่าวเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า จะเอาเฉพาะคนที่มั่นใจเท่านั้น ก็คือพรรคพวกเพื่อนฝูงกัน ไม่เอาลูกทัวร์ เพราะไม่รู้ว่าจะพาเขาไปตาย หรือว่าจะพาเขาไปเดือดร้อนกับตนเองหรือเปล่า !? |
กระผม/อาตมภาพก็ต้องเจริญพรขอขอบคุณทางด้านเอ็นซีทัวร์ โดยคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม และคุณฉัตตริน เพียรธรรม ที่อนุเคราะห์สงเคราะห์การเดินทางฟรีหลายรอบแบบนี้ ได้แต่รอดูว่าจะมีเวลาเพียงพอหรือไม่ ?
เพราะว่าตัวกระผม/อาตมภาพนั้น ถ้าหากว่าเป็นฆราวาส ก็ต้องบอกว่าเป็นคนที่ยุ่งกับธุรกิจเสียจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะระยะเวลาเดินทาง ๗ วัน ๑๐ วัน ๑๕ วัน ดังที่กล่าวมานั้น โอกาสที่จะได้ไปแทบจะเป็นศูนย์ แต่ก็จะรับเอาไว้พิจารณาก่อน หลังจากนั้นกระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางต่อไปยังอำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อเตรียมตัวไปเป็นประธานในการออกนิโรธกรรมของครูบาวิฑูรย์ ชินวโร ประธานที่พักสงฆ์ปรียนันท์ธรรมสถาน ซึ่งท่านจะเข้านิโรธกรรมตามแบบของหลวงปู่ครูบาศรีวิชัยทุกปีในช่วงเวลานี้ เมื่อเดินทางมานั้น ทางด้านพระครูเทพ (พระครูปฐมสาธุวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดสี่แยกเจริญพร ก็ได้ส่งข่าวมาว่า การสร้างเหรียญสมเด็จองค์ปฐม พิมพ์นั่งบัวเสวยสุข เนื้อสเตนเลสนั้น จะสำเร็จเรียบร้อยลงแน่นอน ไม่เกินวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๕ นี้ กระผม/อาตมภาพจึงได้บอกให้ไอ้ตัวเล็ก ทำการเปิดกระทู้ให้ญาติโยมที่ตั้งใจทำบุญกฐินกับวัดท่าขนุนได้จองกันไปเลย เมื่อมาถึงช่วงที่กระผม/อาตมภาพกำลังบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้ เหรียญสมเด็จองค์ปฐม พิมพ์นั่งบัวเสวยสุข เนื้อสเตนเลส ก็หมดไปเป็นครึ่งแล้ว เพียงแต่ว่าส่วนหนึ่งที่เห็นแล้วไม่สบายใจก็คือว่า บุคคลเจ้าประจำแวะเข้ามาจองไปคนเดียว ๔๐๐ องค์ ก็ได้แต่ขอเอาใจช่วยว่าคงจะไม่ถึงกับบ้านแตกสาแหรกขาด เนื่องเพราะว่าการทำอะไรโดยที่เอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ สอบถามผู้อื่นพอเป็นพิธี แล้วก็ตีขลุมเอาไว้เขาเห็นด้วยนั้น โอกาสที่ท่านจะทำให้ครอบครัวแตกแยกด้วยตนเองมีสูงเป็นอย่างยิ่ง..! |
ในเรื่องของการอยู่ร่วมกันระหว่างครอบครัว สามีภรรยานั้น ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานฆราวาสธรรม ๔ มา เพื่อให้รักษาครอบครัวของเราให้มั่นคงยั่งยืน ประกอบไปด้วย
ข้อที่ ๑ สัจจะ มีความจริงจังจริงใจต่อกัน ทำอะไรก็ไม่มีการปิดบังอีกฝ่ายหนึ่ง บอกกล่าวให้ทราบอย่างชัดเจน จะได้ก้าวเดินไปในทางเดียวกันได้ ข้อที่ ๒ ทมะ ต้องมีความข่มใจต่อสิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบในชีวิต แต่คำว่าข่มใจในที่นี้ ต้องข่มใจด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย ไม่ใช่ตัวเราเอาแต่ใจตัวเอง แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งข่มใจอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่ครอบครัวจะอยู่รอดมั่นคงก็เป็นไปได้ยาก ข้อที่ ๓ ขันติ มีความอดทนอดกลั้นต่อความยากลำบากในการดำเนินชีวิตทุกอย่าง ในที่นี้หมายถึงการช่วยกันทำมาหากิน ต่อให้ยากลำบาก อยู่ในลักษณะของ "ผัวหาบเมียคอน" ก็จำเป็นที่จะต้องอดทนอดกลั้น ช่วยกันสร้างครอบครัวจนกว่าจะประสบความสำเร็จมั่นคง ข้อที่ ๔ จาคะ ต้องเสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว เพื่อประโยชน์สุขของอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ใช่เอาแต่ตัวเราสุข ตัวเราสบาย คนอื่นจะ "หวานอมขมกลืน" อย่างไร ก็ปล่อยให้ฝืนทำหน้าชื่นทนไป เราไม่ยอมรับรู้ ถ้าอย่างนั้น วันใดที่ความอดทนอดกลั้นของอีกฝ่ายหนึ่งหมดสิ้นลง เราก็จะไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดี ๆ เขาถึงได้หันหลังจากไปเฉย ๆ แบบนั้น..! สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:20 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.