![]() |
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๕ |
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ภารกิจสำคัญในวันนี้คือ การไปรับรางวัลพชรจักรที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา แต่คราวนี้การจัดงานนั้นดูเหมือนกับว่า ทางผู้จัดไม่มีความพร้อมแม้แต่อย่างเดียว หรือไม่ก็ไม่มีประสบการณ์ในการจัดงานเลย ซึ่งจะทำให้ทางมหาวิทยาลัยเขาเสียชื่อ..เสียหายไปด้วย
ตั้งแต่ไปถึง ก็เห็นว่ามีพระภิกษุจำนวนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วรู้จักกัน เพราะว่าท่านทั้งหลายส่วนใหญ่เข้ามากราบ มารายงานตัว บางท่านก็บอกว่าเป็น "แฟนพันธุ์แท้" ของเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนด้วย อยู่จังหวัดโน้น..จังหวัดนี้ กระผม/อาตมภาพเข้าไปที่โต๊ะลงทะเบียน บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าขอลงทะเบียนเพื่อเข้าตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ที่เรียกง่าย ๆ ว่า ATK เลย แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ให้ตรวจ พูดง่าย ๆ ก็คือว่า "รอให้ทุกคนมากันพร้อมเสียก่อน" ซึ่งเป็นการทำงานที่ไม่ถูกต้อง เพราะว่าถ้าใครมาถึงแล้วลงทะเบียนตรวจได้เลย ก็จะทำให้ไม่ไปประดังกันอยู่ที่เดียว ซึ่งการที่ไปประดัง "ออ" กันอยู่ที่เดียวนั้น ถ้ามีใครติดเชื้อมาสักคนหนึ่ง คนอื่นก็พลอยเป็นกลุ่มผู้เสี่ยงสูงไปด้วยกันทั้งหมด..นี่เป็นประการแรก ประการที่สองก็คือ เมื่อได้รับการตรวจแล้วว่าไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ เจ้าหน้าที่ก็ให้เข้าไปในโรงละครของคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา แต่ปรากฏว่าไม่มีการจัดสถานที่นั่งเตรียมเอาไว้ ไม่มีใครมาแนะนำว่าต้องนั่งอย่างไร จนกระผม/อาตมภาพต้องบอกกับพระเณรส่วนใหญ่ที่ไป ก็คือพระบางรูปมีพระติดตามไป พระบางรูปก็มีสามเณรติดตามไปด้วย ตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพเคยได้รับคำถามมาหลายวาระแล้วว่า "ทำไมหลวงพ่อไม่มีพระเณรติดตามมาด้วย ?" ซึ่งได้บอกไปตามตรงว่า "พระเณรทั้งหลายเหล่านั้นตามไม่ทัน มาแล้วแทนที่จะช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของหลวงพ่อ ก็กลายเป็นภาระให้หลวงพ่อต้องคอยดูแลไปอีกส่วนหนึ่ง" ในเมื่อมีทั้งพระทั้งเณร แล้วส่วนใหญ่รู้จักมักคุ้นกับกระผม/อาตมภาพดี จึงได้บอกกับท่านทั้งหลายเหล่านั้นว่า "นั่งไปตามใจของเราไปก่อน เพียงแต่ให้นั่งเว้นระยะ เมื่อถึงเวลาทางผู้จัดมาแล้วบอกให้เรานั่งอย่างไร ค่อยมาขยับขยายกันใหม่" ก็เลยทำให้ทุกอย่างลงตัวได้ชั่วคราว แต่ปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งกำลังจัดเวทีอยู่..! เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น การที่คุณจัดงานสำคัญขนาดนี้ คุณจะต้องยอมเหนื่อย ต้องยอมทำงานล่วงหน้า ต่อให้อดหลับอดนอนก็ต้องทำ เพื่อให้ทุกอย่างพร้อมในวันงาน ไม่ใช่มาจัดกันในวันงานแบบนี้ จนกระทั่งประมาณ ๑๐ โมงครึ่งแล้ว ก็ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรตามกำหนดการที่ออกมาเลย..! |
กระผม/อาตมภาพจึงเรียกเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลงานท่านหนึ่งเข้ามา บอกว่าให้ไปเรียนท่านประธานด้วยว่า "ถ้าหากว่าจัดงานโดยไม่คำนึงถึงพระภิกษุสามเณรแบบนี้ คุณกำลังจะสร้างบาปด้วยการทำให้พระเณรต้องอดเพล..! พระเณรไม่ใช่ฆราวาสทั่ว ๆ ไปที่นึกจะกินเวลาไหนก็กินได้ แต่ว่ามีเวลาจำกัด หลังเที่ยงไปแล้วก็หมดสิทธิ์ ดังนั้น...ถ้าหากว่าท่านประธานมาถึงแล้ว ให้คุณเชิญท่านประธานไปยังที่มอบรางวัล แล้วนิมนต์พระเณรขึ้นไปรับรางวัลจนครบทุกรูป ถ่ายรูปหมู่กับท่านประธานเรียบร้อยแล้ว ถึงค่อยให้บรรดาฆราวาสรับรางวัลต่อไป"
ทางผู้ที่รับแนวคิดนี้ไปก็ไปแจ้งให้แก่ประธานผู้จัดงาน แต่ปรากฏว่าทางผู้จัดงานไม่ได้ทำตาม หากแต่ว่าปล่อยให้มีการรำเบิกโรง มีการแสดงโขน ก็คือหลังจากที่รำเบิกโรงแล้ว ก็ยังมีการแสดงโขนอีก ไม่ว่าจะเป็นตอน ศึกไมยราพ หนุมานรบมัจฉานุ ทศกัณฐ์ลงสวน เป็นต้น ซึ่งทำให้กระผม/อาตมภาพที่ขึ้นรับเป็นรูปแรก ไปรับรางวัลเอาตอน ๑๑ โมงครึ่ง..! ตรงนั้นก็ไม่กระไรนัก เพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้น เป็นผู้ที่มีความคล่องตัวสูงมาก ต่อให้รับรางวัลตอน ๑๑ โมงครึ่งก็ไม่มีปัญหา สามารถที่จะฉันอาหารเพลได้ทันแน่นอน แต่ว่าส่วนที่ไม่ชอบใจเลยก็คือว่า ท่านประธานผู้มอบรางวัลคือ หม่อมหลวงปานวาด ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา ไม่ได้รับเกียรติสมควรแก่การที่เป็นประธานในงานสำคัญเช่นนี้ เพราะว่าทันทีที่เชิญประธานขึ้นเวที ปรากฏว่าประธานเดินออกมาจากที่นั่ง ซึ่งปะปนอยู่กับผู้ติดตามพระภิกษุสามเณร นี่เป็นประการที่หนึ่ง ประการที่สองก็คือ เชิญประธานขึ้นไปยืนเก้ออยู่บนเวที โดยที่ตัวเองค่อย ๆ จัดเวทีตามทีหลัง มีการจัดวางแท่นเพื่อรับรางวัล มีการนำเอารางวัลมาตั้งในภายหลัง ปล่อยให้ประธานยืนคอยอยู่พักใหญ่ ตรงจุดนี้ต้องบอกว่าเป็นการไม่ให้เกียรติประธานอย่างสูงมาก ถ้าหากว่าเป็นบุคคลทั่ว ๆ ไป ก็คงประมาณว่าจะไม่คบกันอีกแล้ว..! เมื่อกระผม/อาตมภาพรับรางวัลแล้ว จึงได้ขอตัวออกมาก่อนเลย ไม่อยู่ถ่ายรูปร่วมกับทางด้านประธาน เพราะว่ายังมีพระอีกประมาณ ๒๐ รูปที่รับรางวัลตามหลัง แล้วก็ยังมีฆราวาสที่รับรางวัลอีกประมาณสามสี่สิบคน ซึ่งก็คงจะเลยเที่ยงไปแล้วอย่างแน่นอน จึงต้องยอมเสียมารยาทขอตัวออกจากพิธี แล้วซื้ออาหารกล่องมาฉันบนรถ พร้อมกับการเดินทางกลับที่พักเลย |
ตรงจุดนี้ที่เล่าให้ฟัง ไม่ได้ตำหนิทางผู้จัดงาน เนื่องเพราะว่าบุคคลที่ปราศจากความคล่องตัวอย่างหนึ่ง อ่านงานไม่แตกอย่างหนึ่ง ตั้งใจจะอวดงาน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรน่าอวด คือการแสดงต่าง ๆ อีกอย่างหนึ่ง ก็จะทำให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นย่อมเห็นความสำคัญในสิ่งที่ไม่สำคัญ แต่ขณะเดียวกันไม่เห็นความสำคัญในสิ่งที่สำคัญเลย..!
ปีก่อนนั้นกระผม/อาตมภาพไปรับรางวัลราชมงคลสรรเสริญที่มหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรี สถานที่นั้นจัดงานแบบให้ความสำคัญกับพระภิกษุที่ได้รับรางวัลอย่างสูงมาก เมื่อเข้าไปถึง จะมีเจ้าหน้าที่มาต้อนรับเฉพาะแต่ละรูปเลย คือเจ้าหน้าที่แต่ละคนจะรู้ว่าตนเองต้องต้อนรับพระเถระรูปใด เมื่อพาเข้าไปยังที่นั่งแล้ว ก็ไปรายงานท่านอธิการบดี ท่านอธิการบดีก็จะพารองอธิการบดี คณะบดี และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางมหาวิทยาลัยมากราบพระทีละรูป ขอบพระคุณที่ให้เกียรติยอมรับรางวัลที่ท่านจัดสรรถวายให้ เมื่อถึงเวลารับรางวัล ก็ไม่ใช่ให้พระขึ้นไปรับรางวัลบนเวที แต่ว่าเป็นการจัดที่นั่งต่างหากให้กับพระโดยเฉพาะอยู่ทางด้านล่าง แล้วท่านอธิการบดีก็จะมากราบพระทีละรูป ถวายรางวัล ถวายเกียรติบัตร และถวายช่อดอกไม้แสดงความยินดี ทำอย่างนี้พร้อมกับขอถ่ายรูปไปด้วยทีละรูป จะเห็นว่าบุคคลที่จัดงานเป็น ลำดับความสำคัญของงานถูก ต้องทำในลักษณะอย่างนี้ เพราะว่าเป็นความภูมิใจของผู้รับรางวัลด้วย ที่ได้รับเกียรติอย่างสูงแบบนั้น แล้วขณะเดียวกัน ก็เป็นความภูมิใจของทางมหาวิทยาลัยด้วย ที่ได้ถวายการต้อนรับพระภิกษุสามเณร ได้อย่างถูกต้องตามรูปแบบที่ควรจะเป็น ต้องบอกว่าสมกับที่เป็นพุทธศาสนิกชนจริง ๆ ดังนั้น...สำหรับท่านทั้งหลายที่จัดงานในลักษณะแบบนี้ ถ้ามีโอกาสฟัง "เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน" ในวันนี้อยู่ ก็ขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณาด้วยว่า พระภิกษุสามเณรของเรานั้นจำกัดด้วยกาลเวลาหลายประการด้วยกัน |
ถ้าหากว่าเป็นอย่างของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งกระผม/อาตมภาพไปรับรางวัลมาแล้ว ๖ ครั้ง แล้วยังมีอีก ๒ รางวัลที่ไม่ว่างไปรับ ทางกระทรวงให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงเชิญมาถวายที่วัด ทางกระทรวงวัฒนธรรมนั้น ถ้าหากว่าท่านไปเช้า เจ้าหน้าที่จะนิมนต์ไปฉันข้าวต้มที่เตรียมไว้ก่อนเลย หลังจากนั้นก็ให้ไปรอในห้องพักผ่อน เมื่อเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลมาถึง ก็จะนิมนต์พระไปตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ทีละรูป เมื่อแจ้งผลให้ทราบแล้ว ถึงจะนิมนต์ไปลงทะเบียนเพี่อที่จะรอรับรางวัลตามกำหนดการที่ให้ไว้
เมื่อถึงเวลารับรางวัล ก็จะมีการนิมนต์พระออกไปทีละชุด ประมาณ ๘ รูปถึง ๑๐ รูป แล้วแต่ว่างานนั้นจำนวนพระมีมากหรือว่าน้อย แล้วท่านรัฐมนตรีอิทธิพล คุณปลื้ม ก็จะมาถวายรางวัล พร้อมกับถ่ายรูปด้วยทีละรูป เมื่อถวายรางวัลครบทั้งชุดแล้ว ท่านก็จะขออนุญาตถ่ายรูปหมู่พร้อมกับพระภิกษุสามเณรชุดนั้น แล้วก็พระภิกษุสามเณรสามารถที่จะกลับได้เลย เนื่องเพราะว่าเสร็จภารกิจตรงนั้นไปแล้ว เราจะเห็นได้ว่าบุคคลที่ลำดับความสำคัญถูก ให้ความสำคัญกับพระภิกษุสามเณรตามแบบที่ควรจะให้ และขณะเดียวกันก็เป็นบุคคลที่มีความเคารพในพระรัตนตรัย จะจัดงานในลักษณะที่ให้เกียรติพระภิกษุสงฆ์ แล้วถึงจะต่อไปด้วยฆราวาสตามลำดับความสำคัญ ก็คือตามตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โต หรือว่าตามอายุของฆราวาสทั้งหลายเหล่านั้น ตรงจุดนี้..เมื่อท่านได้ฟังแล้ว สามารถนำเอารูปแบบทั้งหลายเหล่านี้ไปปรับใช้ ถ้าหากว่าเห็นว่าระยะเวลากระชั้นมาก ท่านก็สามารถที่จะ "ปรับแก้ตามหน้างาน" ได้ อย่างเช่นว่าตัดชุดการแสดงออกไป หรือไม่ก็ให้แสดงในระยะเวลาที่สั้นลง อย่างเช่นว่าชุดละ ๑๐ นาทีก็อาจจะเหลือ ๕ นาที หรือว่าชุดละ ๒๐ นาที ก็เหลือสัก ๑๐นาที เป็นต้น ถ้าหากว่าทางผู้แสดงไม่สามารถที่จะปรับให้ยาวสั้นตามระยะเวลาที่จำกัดได้ ก็ให้งดการแสดงไปเลย แล้วมอบรางวัลให้แก่ผู้แสดงโดยที่ไม่ต้องแสดง เพียงแต่ให้ผู้แสดงออกมาถ่ายรูปคู่กับท่านประธานก็เพียงพอแล้ว |
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมีความคล่องตัวพอ สามารถที่จะปรับหน้างานทุกอย่างให้ตรงตามเวลาที่กำหนดได้ งานของท่านก็จะไม่น่าเบื่อ ก็จะน่าสนใจ และในขณะเดียวกัน เมื่อได้รับการบอกกล่าวต่อ ๆ ไป งานต่อไปพระภิกษุสามเณรที่รับรางวัลทั้งหลายเหล่านี้ ก็เต็มอกเต็มใจอย่างยิ่งที่จะไปรับด้วยตัวท่านเอง
กระผม/อาตมภาพไม่แปลกใจเลยว่า งานนี้มีพระเถระที่สมณศักดิ์และอายุกาลพรรษามากกว่ากระผม/อาตมภาพ ๔ รูป ไม่มีใครไปรับรางวัลแม้แต่ท่านเดียว ได้แต่ส่งตัวแทนไปรับเท่านั้น ส่วนกระผม/อาตมภาพนั้นถือว่า ท่านให้รางวัลก็คือให้เกียรติเรา เราก็ให้เกียรติตอบด้วยการไปรับรางวัลด้วยตนเอง เพียงแต่ว่ารางวัลเพชรราชธานีของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีนั้น กระผม/อาตมภาพติดภารกิจสำคัญจริง ๆ ก็คือต้องมอบหอพักนักเรียนให้แก่ท่านองคมนตรี (พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา) จึงต้องลำดับความสำคัญของงานให้กับทางด้านนี้ก่อน ด้วยการแจ้งขอโทษไปเป็นลายลักษณ์อักษร และขอให้ทางมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ส่งรางวัลเพชรราชธานีมาให้ทางวัดท่าขนุนทางไปรษณีย์..! วันนี้รบกวนเวลาของท่านทั้งหลายมามากพอแล้ว จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:13 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.