![]() |
เสือกลับใจ
ถาม : อย่างนี้พวกโจร พวกเสืออะไร อย่างตี๋ใหญ่พวกนี้ต้องมี...?
ตอบ : ใช่..กำลังใจเขายึดมั่นมาก เคยถามคนที่เคยเป็นโจรมา ถามเขาว่าทำอย่างไรถึงเหนียว โดยเฉพาะเสือฝ้าย เสือฝ้ายไปวัดท่าซุงหลายครั้ง โดยไปนอนอยู่ที่ตึกที่อาตมาอยู่ ก็ได้คุยกัน แกขอให้หลวงพ่อไปขุดทองญี่ปุ่นที่แกฝังเอาไว้ แกปล้นทองญี่ปุ่นมาเป็นตู้รถไฟเลย ถามแกบอกว่าปล้นอย่างไรได้เป็นตู้รถไฟ แกบอกว่าให้ลูกน้องปีนขึ้นไปแอบถอดสลักยึดระหว่างตู้ พอเข้าจังหวะทางโค้งก็ปลดสลัก พอเข้าโค้งแรงเหวี่ยงจะทำให้ตู้โบกี้หลุดออกมา แล้วก็เข็นไปซ่อน โน่น..กว่าทหารญี่ปุ่นจะรู้ก็หายไปนานแล้ว เสือฝ้ายบอกว่าสมัยก่อนที่ส่วนใหญ่หนังเหนียว เพราะว่าต้องเป็นคนมีสัจจะ เป็นคนเอาจริงเอาจังและว่างเมื่อไรต้องภาวนา พวกเรายังทำอย่างเขาไม่ได้เลย เพราะเขาอยู่กับปากกระบอกปืนตลอด ไม่รู้ว่าจะโดนยิงตายเมื่อใด จึงประมาทไม่ได้ ว่างเมื่อไรต้องภาวนา ถูกสถานการณ์บังคับ ในเมื่อว่างเมื่อไรต้องภาวนา จิตเป็นสมาธิสูง พออาราธนาพระเครื่อง ก็เท่ากับว่าตัวเองเปิดกำลังใจรับเต็มที่ อานุภาพจึงสูงมาก คนสมัยนั้นส่วนใหญ่ก็จะหนังเหนียวกัน |
ถาม : อย่างนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ตกนรก ถ้าเผื่อตายก็ไปเป็นพรหม ?
ตอบ : หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบวชอ้ายเสือพวกนี้ แล้วส่งเข้าป่าไปเกือบสามสิบรูป เป็นพระอภิญญาหมดเลย เพราะว่ากำลังใจพวกท่านเอาจริงเอาจังอยู่แล้ว งานนั้นพวกนี้ไปพักในวัดก่อนที่จะไปปล้นเขา แล้วก็มีสองคนที่พูดง่าย ๆ ว่าบุญพอจะมี มากราบหลวงพ่อก่อน หลวงพ่อพอเจอหน้าก็ถามว่าแกจะไปปล้นเขาใช่ไหม ? ท่านว่าพวกนี้เรียบร้อยเกินเหตุ ประเภทเข้ามาหาพระต้องปูผ้ากราบ ท่านบอกว่าระแวงเอาไว้ก่อนได้เลย สมัยก่อนโจรไปปล้นเขา จะแต่งตัวเป็นตำรวจ แล้วก็หล่อเกินตำรวจ ตำรวจมัวแต่ตามล่าโจร ชุดเก่าอย่างกับผ้าขี้ริ้ว พวกนี้รีดเสื้อกลีบโง้งเลย หลวงพ่อถามว่าจะไปปล้นเขาใช่ไหม ? พวกนั้นก็ตะลึง หลวงพ่อบอกว่าถ้าเอ็งไปคืนนี้ เอ็งตายโหงทั้งคู่ พวกนั้นพอทักถูกแล้วแถมบอกอย่างนั้นก็ตกใจ ถามว่า หัวหน้าเขากำหนดตัวมาแล้ว ทำอย่างไรถึงจะรอด ? หลวงพ่อจึงว่า "ถ้าอยากจะรอดเอ็งไปซื้อยาถ่ายมากิน ให้ขี้ไหลขี้ร่วงไปเลย.." ปรากฏว่าคืนนั้นเข้าปล้น ถูกตำรวจล้อมยิง พวกตายหมดจริง ๆ สองคนนี้นอนแผ่อยู่กับวัด กินยาถ่ายระดมพลเข้าไป ถ่ายไม่หยุด ลูกพี่บอกไม่ต้องไป ไม่ต้องไปก็รอดมาได้ ใช่ไหม ? หลวงพ่อก็บอกให้เลิกเสีย ไม่อย่างนั้นถ้าไปอีกก็ตายอีก จะไม่เลิกก็ไม่ได้ เห็น ๆ อยู่ ก็ตกลงยอมบวช หลวงพ่อเลยส่งไปให้เพื่อนสององค์ที่อยู่ในป่า ไปก็ได้ดี เพื่อนฝูงมาถามกัน ไป ๆ มา ๆ หลวงพ่อบอกว่า "พวกลายพาดกลอนที่ส่งเข้าป่าไปสามสิบกว่า เป็นพระอภิญญาทั้งหมด" คือว่า ความดี ความชั่ว ที่มีอยู่ในทุกศาสนา เป็นแค่สิ่งสมมติเท่านั้น การกระทำของเรานั่นแหละที่จะเป็นตัวกำหนด สิ่งที่เราตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ผลของการกระทำนั้นมีแน่ และจะตอบแทนให้แก่ผู้กระทำได้เมื่อวาระและเวลาอันสมควรมาถึง ถ้าทำในสิ่งที่ตามสมมติเขาเรียกว่าดี ผลตอบแทนก็คือ ความสุข ความเจริญ แต่ถ้าหากว่าทำในสิ่งที่ตามสมมติเขาเรียกว่าไม่ดี คือ ความชั่ว สิ่งที่ได้รับตอบแทนก็คือ ความทุกข์ ความเดือดร้อน คราวนี้จะเรียกว่าใครเป็นผู้กำหนด ก็คือการกระทำเป็นผู้กำหนด คือ กรรมเป็นผู้กำหนด ถ้าหากว่าคนไม่ทำความดีความชั่วเลย นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา มาร พรหม อะไรก็ไม่จำเป็นต้องมี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับการกระทำของเราทั้งนั้น ถ้าเลิกทำก็ไม่มีอะไรเหลือ สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๔ |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:36 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.