กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=106)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=7802)

ตัวเล็ก 19-07-2021 20:23

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔



เถรี 19-07-2021 22:43

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ดูจากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ เกินหมื่นมาหลายวันติดกันแล้ว และจำนวนผู้ตายก็อยู่ในระดับหลายสิบหรือว่าเป็นร้อย

ที่กล่าวมานี้ไม่ได้ตั้งใจจะดิสเครดิตรัฐบาล แต่จะเล่าเรื่องแปลกให้ฟัง ก็คือมีพี่น้องอิสลามที่สงขลาต้องไปฝังศพผู้ตาย โดยธรรมเนียมของพี่น้องอิสลามก็คือ ถ้าหากว่ามีคนตาย ต้องฝังก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะผู้ตายนั้นตายก่อนอายุ และน่าจะสร้างบุญเอาไว้มากก็เลยไม่ได้ไปไหน พอเพื่อนไปฝังก็เลยตามเพื่อนกลับบ้าน ...(หัวเราะ)...

แล้วมีการรบกวนประการต่าง ๆ ก็คงพยายามจะแสดงให้เพื่อนรู้ว่ามา ด้วยความกลัวเพื่อนก็เลยไปหาเพื่อนคนไทย ถามว่ามีอะไรที่ไล่ผีหรือกันผีได้บ้าง ? เพื่อนคนไทยจึงให้ยืมมีดลูกพราหมณ์พรหมพิทักษ์ไป ปรากฎว่าผู้ตายหายจ้อยไปเลย..! จึงโดนเพื่อนอิสลามยึดมีดไป โดยบอกว่าเอาผ้าพันด้ามไว้ ถามว่าทำไมต้องเอาผ้าพันด้ามไว้ ? เขาบอกว่าเป็นรูปเคารพของศาสนาอื่น อยากได้มีดไว้ใช้งานเพราะว่าเห็นอานุภาพ แต่ขอเอาผ้าพันด้ามไว้ เพื่อนก็ไม่ได้ว่าอะไร ตัวเองก็ควักกระเป๋ามาบูชาจากเว็บวัดท่าขนุนไปอีก ๑ เล่ม โยมเขาเล่าให้ฟังอาตมภาพก็ขำ ๆ อยู่

แต่ว่าพี่น้องอิสลามที่ใช้วัตถุมงคลมีเยอะมาก สมัยช่วงที่เป็นวัยรุ่นอาตมาอยู่ที่ซอยโมราวรรณ ๒ ปัจจุบันนี้ก็น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นซอยอ่อนนุช ๖๖ ก็มีเพื่อนอิสลามเป็นจำนวนมาก เพราะว่าทั้งซอยมีบ้านไทยพุทธอยู่แค่ ๒ หลัง ก็คือบ้านของพี่ชายอาตมากับบ้านนาวาเอกจุรินทร์ นอกนั้นเป็นอิสลามทั้งหมด ปรากฏว่าเพื่อนวัยรุ่นอิสลามด้วยกันชวนไปกราบหลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน ไปขอปลัดขิกหลวงปู่เมฆ..!

เถรี 19-07-2021 22:48

เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าปลัดขิกหลวงปู่เมฆนั้นขลังมากในเรื่องป้องกันสัตว์มีพิษ สมัยนั้นพื้นที่แถวนั้นยังเป็นท้องไร่ท้องนา แม้แต่บ้านที่สร้างอยู่ของพี่ชายอาตมา ก็เกิดจากการไปซื้อท้องร่องสวน ที่เป็นสวนมะพร้าวสวนผลไม้ของพี่น้องอิสลามมา แล้วทำการถมที่เพื่อสร้างบ้าน งูเห่าจึงเยอะมาก..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น วัตถุมงคลของหลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน ซึ่งป้องกันงูเห่าชนิดที่เรียกว่า "เดินเตะปากงูก็ไม่กล้าฉก" จึงเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก ในเมื่อพี่น้องอิสลามเห็นอานุภาพตรงนี้ และประกอบกับว่าไม่ใช่รูปพระในพระพุทธศาสนา ก็เลยไปขอหลวงปู่เมฆกันเป็นว่าเล่น ในซอยที่อาตมภาพอยู่นี่ พูดง่าย ๆ ว่าพี่น้องอิสลามพกวัตถุมงคลหลวงปู่เมฆ วัดลำกระดานกันแทบทุกบ้าน

ส่วนทางด้านกรุงเก่าคือพระนครศรีอยุธยา พี่น้องอิสลามแถวคลองตะเคียน ซึ่งเป็นหมู่บ้านอิสลามเก่าแก่ พกตะกรุดหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราชกันทุกบ้านเหมือนกัน ดังนั้น...ในเรื่องของการใช้วัตถุมงคล ต้องบอกว่าบุคคลที่ฉลาด เขาจะเลือกว่าสิ่งใดที่เหมาะสมกับตนเอง

อย่างร้อยตรีนที ทนุวงษ์ หรือที่พวกเราเรียกอย่างคุ้นเคยว่า "ไอ้บัง" พกแก้วมณีรัตนะหลวงพ่อวัดท่าซุง เพราะอย่างอื่นเป็นรูปพระสงฆ์ เป็นรูปพระพุทธ เจ้าบังบอกว่าพกเข้าบ้านไม่ได้ ก็เลือกพกแก้วมณีรัตนะเป็นปกติ เพราะว่าเห็นอานุภาพวัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุง เนื่องจากว่าตนเองเป็นทหารอยู่ แคล้วคลาดปลอดภัยจากการปะทะกับข้าศึกมาหลายต่อหลายครั้ง

เถรี 19-07-2021 22:55

แม้แต่อาตมภาพเองตอนอยู่ชายแดน โดนอาวุธหนักอาวุธเบาเท่าไรก็แคล้วคลาดปลอดภัยมาได้ ทำให้ชอบวัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุงมาก ชอบตรงที่ยิงออก..! แต่ยิงเท่าไรก็ไม่ถูก แล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็ให้เคล็ดลับไว้ว่า ถ้าใช้วัตถุมงคลของท่านแล้วตกอยู่ในวงล้อมข้าศึก เสียงปืนด้านไหนหนาแน่นที่สุดให้ฝ่าออกด้านนั้น..! หลวงพ่อท่านไม่ชอบลูกศิษย์ขี้ขลาด ก็เลยสั่งเอาไว้แบบนั้น..!

อาตมภาพทำตามแล้ว ไม่เคยมีอะไรมาแผ้วพานได้เลย แล้วที่ชอบตรงยิงออก เพราะว่าเสียงดัง มันสะใจพิลึก..! ได้ยินเสียงปืนนี่แทบจะวิ่งสวนไปเดี๋ยวนั้นเลย

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การที่พี่น้องอิสลามบูชา "มีดลูกพราหมณ์พรหมพิทักษ์" ไป อาตมภาพก็เลยแนะนำโยม บอกว่าเอา "มีดลูกพราหมณ์จันทร์เพ็ญ" ไปแลกคืนมา เพราะว่ามีดลูกพราหมณ์จันทร์เพ็ญ ด้ามเป็นไม้กลึงปกติ ไม่ได้แกะเป็นรูปท้าวสหัมบดีพรหม ตัวคุณเองก็ใช้มีดลูกพราหมณ์พรหมพิทักษ์ต่อไป แต่สำคัญตรงที่ว่าเพื่อนเขายอมแลกไหม ? เพราะว่าเขาใช้เล่มนั้นแล้วได้ผล

เรื่องของวัตถุมงคลเป็นเรื่องแปลก ต่อให้รุ่นเดียวกัน วัดเดียวกัน ถ้าเขาใช้ชนิดไหนได้ผล ก็จะเลือกแต่วัตถุมงคลชนิดนั้น แบบเดียวกับน้องเล็ก (จิราพร ซื่อตรงต่อการ) แขวนสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุง ไปโดนกระทิงขวิดมาที่ป่าฮาลาบาลา ปรากฏว่าไม่เป็นอะไร แค่เป็นรอยช้ำ ๆ แค่ประมาณเหรียญ ๑๐ บาท ที่ตรงปลายเขาปักเข้าไปเท่านั้น เล่นเอาพวก ตชด. อยากได้กันชนิดน้ำลายหก..!

เพราะปกติกระทิงนี่ ถ้าขวิดต้นไม้ขนาดขาอ่อนยังขาดสะบั้นเลย อย่าว่าแต่ตัวคน จนกระทั่งเพื่อนกันเขาสรุปว่า "ผู้หญิงแก่ง่าย..ตายยาก..!" แล้วทุกคนก็จะเอาสมเด็จองค์ปฐมรุ่นนั้น โดยเฉพาะอยากได้องค์นั้น..! ซึ่งเป็นตายเจ้าตัวก็ไม่ยอมให้อยู่แล้ว

เถรี 19-07-2021 23:03

แต่อาตมภาพอยากจะแนะนำว่า ถ้าจะกันผีกันจริง ๆ รูปหรือเหรียญท้าวเวสสุวรรณ หรือว่าผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณเหมาะสมที่สุด เพราะว่านั่นก็คือจอมผีเลย นามหนึ่งของท่านก็คือภูติบดี (เจ้านายแห่งผีทั้งปวง)

บางคนอาจจะสงสัยว่า อาตมภาพไปพุน้ำร้อนดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่กลัวผีบ้างหรือ ? บางทีเดิน ๆ อยู่ แมวดำก็วิ่งพรวดเข้าไปในห้องสรงน้ำพระ อาตมาก็เดินตามเข้าไปเตะมันออก จะไปกลัวอะไร ในเมื่อมากับจอมผีเสียเอง ผีเล็กผีน้อยที่ไหนจะกล้าหือ..! เพียงแต่ว่าพวกเราจะมีความมั่นใจขนาดนั้นหรือเปล่า ?

เรื่องของวัตถุมงคลสำคัญตรงความมั่นใจและความศรัทธาของเรา เพราะว่าวัตถุมงคลนั้นเป็นเครื่องส่ง ส่งพลังงานอยู่ตลอดเวลา สำคัญตรงใจของเราที่เป็นเครื่องรับว่าจะรับได้เท่าไร ?

แต่ว่าเมื่อเช้ามืดที่ไปแช่น้ำพุร้อน ปรากฏว่าจากภาพพระปกติก็คือหลวงพ่อสุคโตที่ระยะหลังติดหูติดตาอยู่ตลอด กลายเป็นภาพพระไพรีพินาศขึ้นมา ก็ได้แต่ระวังตัวว่าน่าจะมีใครเกิดความรักความเมตตา จะส่งอะไรมาให้อีกแล้ว เพราะว่าพรุ่งนี้ก็คือวันอังคาร วันอังคารกับวันเสาร์ พวกหมอไสยศาสตร์มักจะทำพวกของอาถรรพ์ต่าง ๆ แล้วก็ปล่อยไป เพราะว่าเป็นวันแรง วันแข็ง ทำแล้วก็จะมีผลมาก สำหรับคนอื่นอาจจะมีผล แต่สำหรับอาตมภาพแล้วไม่มีผล ดีไม่ดีตัวคนปล่อยเองก็เจ็บก็ตายไปตามระเบียบ โดยพื้นฐานดวงของอาตมาเอง อริเป็นมรณะ ก็คือใครตั้งตัวเป็นศัตรูก็ตายเอง เราไม่ต้องไปทำอะไรหรอก

ประการที่สอง ก็คือ กำลังสมาธิสูง ซึ่งถ้าหากว่าคนทำกำลังสมาธิสูงไม่เท่า ก็เหมือนอย่างกับเด็กมาเกาคันให้เท่านั้น

ประการที่สาม ก็คือ บารมีของพระ ของพรหม ของเทวดา ของครูบาอาจารย์ที่ท่านสงเคราะห์อยู่ ก็เลยทำให้ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล แต่ว่าภาพพระที่เราจับอย่างหนึ่ง คำภาวนาที่เราภาวนาอย่างหนึ่ง ถ้าอยู่ ๆ เปลี่ยนเองกะทันหันนี่ต้องระวังไว้ เพราะว่าอาจจะมีอะไรที่ไม่ดีไม่งาม ไม่เหมาะไม่สมเกิดขึ้น ให้เราตั้งหน้าตั้งตาระมัดระวังเกาะภาพพระและคำภาวนาให้ปกติ ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็อาจจะเสียท่าแก่คนอื่นเขาได้

เถรี 19-07-2021 23:06

เรื่องของไสยศาสตร์กับพุทธศาสตร์นั้น เหมือนอย่างกับเหรียญเดียวที่เป็นสองหน้า หลวงพ่อวัดท่าซุงเปรียบว่าเหมือนน้ำกับปลา น้ำไปถึงไหนปลาก็ไปถึงนั่น เพราะว่าพุทธะ แปลว่าตื่น ไสยะ แปลว่าหลับ เป็นคู่ปรับกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์

ถ้าหากเรามีสติ อาราธนาวัตถุมงคลหรือกำหนดภาพพระครอบตัวเราไว้ ภาวนาอย่าให้สติขาดลง ก็จะเป็นอันตรายได้น้อยมาก เพราะว่าไสยศาสตร์เหมือนกับไฟกองใหญ่ เราป้องกันแค่เปลวไฟไม่ให้เผาไหม้ทำอันตรายเราได้ แต่ความร้อนก็มีมาถึงเหมือนกัน

แล้วบางท่านที่เก่งมาก ๆ อย่างที่อาตมภาพไปโดนที่วัดหนองบัว ประเทศพม่า รู้สึกเหมือนกับฟ้าผ่าใส่หัวเลย..! ทำให้ขาดสติไปประมาณ ๒ วินาที เมื่อตั้งสติจับภาพพระได้ใหม่ ก็กระซิบบอกกับพระครูน้อย (พระครูสังฆรักษ์วิฑูรย์ จนฺทวํโส) ว่า "ให้สังเกตดูว่ามีใครอยู่ ๆ ก็ "เดี้ยง" ไปหรือเปล่า ? ถ้ามีก็ใช่เลย ไอ้คนนั้นแหละทำ" ปรากฏว่าพระครูน้อยหายไปไม่กี่นาที ก็วิ่งเลิ่กลั่กมา "หลวงพ่อครับ..ได้ตัวแล้ว พวกเรากันเองครับ..เล่นกันเอง" ก็ต้องบอกว่าขนาดเล่นทีเผลอ ยังทำอะไรไม่สำเร็จ..!

แต่ตรงจุดนั้นที่อาตมภาพรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ก็คือสติขาดไปประมาณ ๒ วินาที เนื่องจากว่าอยู่ ๆ เหมือนโดนฟ้าผ่าใส่หัว ตั้งหลักไม่ทันว่าคืออะไร ก็ถ้าขนาดอาตมภาพยังสติขาดไป ๒ วินาที อย่างพวกเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องคูณไปกี่เท่า ในช่วงนั้นอาจจะเป็นโอกาสที่เปิดให้เขาทำอันตรายแก่เราก็ได้

ดังนั้น...ท่านทั้งหลายที่พกวัตถุมงคลอยู่ ก็ให้อาราธนาไว้ทุกวัน ตัวเราเผลอขาดสติได้ แต่ว่าพรหมหรือเทวดาที่ท่านรักษาวัตถุมงคลอยู่ท่านไม่เผลอ ท่านสามารถที่จะระมัดระวังป้องกันแทนเราได้ แต่ถ้าหากว่าไม่อาราธนา ก็อาจจะเจอสภาพเดียวกับอาตมภาพเอง ก็คือโดนผีนั่งทับหน้าอกแล้วบีบคอ ทั้งที่วัตถุมงคลก็ใส่ไว้ในกระเป๋าอังสะที่หน้าอก เมื่อดิ้นหลุดออกมาได้ มีโอกาสเรียนถามหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่า "ผมพกวัตถุมงคลอยู่ในกระเป๋าอังสะ ทำไมผีถึงนั่งทับได้ครับ ?" หลวงพ่อท่านถามว่า "แกได้อาราธนาหรือเปล่า ?" กราบเรียนท่านว่า "เปล่าครับ" ท่านบอกว่า "สมน้ำหน้ามึง...!" เพราะฉะนั้น..อย่าให้เจอลักษณะแบบนี้ก็แล้วกัน

วันนี้เมื่อมีเรื่องแปลก ๆ เข้ามา ก็เลยนำมาเล่าคลายเครียดให้กับพวกเรา บางทีอาจจะฟังแต่เรื่องของธรรมะติด ๆ กันมาหลายวัน ยังย่อยไม่หมด วันนี้เอาแค่เรื่องเบา ๆ ไปก่อน ก็ขอยุติลงแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:50


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว