![]() |
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๔
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ พอดีตรงกับวโรกาสสำคัญ คือ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งปีนี้ทรงเจริญพระชนมายุ ๖๖ พรรษาแล้ว ก็ถือว่าการปฏิบัติธรรมของเราในวันนี้ ปฏิบัติเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ขอให้พระองค์ท่านเจริญพระเจริญยิ่งยืนนาน
ในส่วนของบ้านเติมบุญ ก่อนหน้าที่จะมีเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ระบาด พวกเราก็มาเจริญกรรมฐานร่วมกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ช่วงนี้ก็ได้แต่เจริญกรรมฐานออกอากาศ ซึ่งก็คือส่วนใหญ่แล้วต้องทำอยู่ที่บ้าน อีกส่วนหนึ่งก็อยู่ในระหว่างเดินทางอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านก็ดี ในระหว่างการเดินทางก็ดี ส่วนที่ขาดไปก็คือกำลังใจของคนข้างเคียงที่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพราะว่ากำลังใจของคนนั้น ถ้าส่วนใหญ่ไหลไปทางไหน ส่วนน้อยก็จะโดนดึงให้ไหลตามไปด้วย ดังนั้น...ในการปฏิบัติธรรมนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวถึงสัปปายะ คือ ความเหมาะสมต่อการปฏิบัติธรรมทั้ง ๗ ประการ |
วันนี้ที่จะกล่าว มีอยู่ ๒ ประการ คือ อาวาสสัปปายะ สถานที่เหมาะสม ปุคคลสัปปายะ บุคคลที่เหมาะสม
สถานที่พูดไปก็เข้าใจได้ง่าย ส่วนใหญ่ก็คือสถานที่ปฏิบัติธรรม หรือวัดวาอารามที่มีการปฏิบัติธรรมร่วมกัน ส่วนปุคคลสัปปายะนั้น ไม่ได้หมายเอาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถในการสอนธรรมนำปฏิบัติเท่านั้น แต่ยังหมายถึงบุคคลที่ปฏิบัติธรรมร่วมกันด้วย ถ้ากำลังใจของทุกคนมุ่งไปในด้านดีโดยส่วนเดียว เราที่อยู่ในบริเวณนั้นก็จะโดนดึงให้ไหลตามไป จิตใจก็จะสงบได้เร็ว สมาธิทรงตัวได้แนบแน่น แต่ถ้าให้เราทำเอง ปฏิบัติเองที่บ้าน นอกจากสิ่งรบกวนจะมากแล้ว สถานที่ซึ่งไม่เหมาะสม ก็ยังเหมือนกับเราที่โต้คลื่นอยู่คนเดียวโดยไม่มีคนช่วยเหลือ โอกาสที่จะหลุดพ้นฝ่าฟันจนกระทั่งขึ้นสู่ฝั่งได้ก็มีน้อย มีการทดลองจากประเทศญี่ปุ่นที่ประสบกับคลื่นสึนามิเป็นปกติ โดยใช้เครื่องฉีดน้ำที่มีความแรงใกล้เคียงกับการเกิดสึนามิ ให้คนหนึ่งยืนอยู่ พอโดนน้ำเข้าก็ล้มหงายไปเลย พอคนที่สองมาช่วยยืนค้ำหลัง ก็สามารถที่จะยันเอาไว้ได้หน่อยหนึ่งก่อนที่จะล้ม พอคนที่สามมาช่วยค้ำเข้าไปอีก ก็สามารถยืนหยัดเพิ่มขึ้นได้อีกระยะหนึ่ง แต่พอมีคนที่สี่คนที่ห้ามา กำลังน้ำที่แรงพอทำลายบุคคลหนึ่งหรือสองคนได้ ก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายได้แล้ว เปรียบเหมือนคนส่วนมากซึ่งมีกำลังใจในการตั้งใจบำเพ็ญความดี จึงสามารถที่จะช่วยค้ำจุนให้ตัวเรานั้นทรงอารมณ์ภาวนา และเข้าสมาธิแนบแน่นได้ง่าย |
เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าถึงเวลาแล้วท่านทั้งหลายควรที่จะปลีกตัว หาเวลาไปร่วมปฏิบัติธรรมกับคนอื่น ในสถานที่ซึ่งเปิดให้ปฏิบัติธรรมในระยะนี้ ซึ่งมีการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ มีการคัดกรองในระดับหนึ่ง กำลังใจของบุคคลที่มุ่งดีด้วยกัน ก็จะประคับประคองกัน กลายเป็นส่วนหนึ่งของปุคคลสัปปายะ ช่วยให้กำลังใจของเราทรงตัวได้ง่าย ทรงตัวได้แนบแน่นขึ้น
จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับขี้โกง แต่ก็ไม่ใช่ เพราะถือว่าเป็นปัญญาอย่างหนึ่ง ในเมื่อรู้ว่ามีวิธีการที่ง่าย ช่วยให้ใจของเราสงบ ช่วยให้สมาธิของเราตั้งมั่นได้ง่าย ก็ควรที่จะใช้วิธีการนั้น ๆ ยกเว้นว่าท่านทั้งหลายสามารถทรงฌานได้ทุกเวลาที่ต้องการ ถ้าอย่างนั้นในเรื่องของสถานที่หรือบุคคล ก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องน้อย เพราะว่าสามารถที่จะทรงฌานทรงสมาบัติได้ทุกเวลา ได้ทุกสถานที่ตามที่กำลังใจของท่านต้องการ ดังนั้น...ในการปฏิบัติระยะแรก หรือท่านทั้งหลายที่ทิ้งการปฏิบัติมานาน ปล่อยให้กำลังใจของตนเองฟุ้งซ่าน จนต้องเหมือนกับคนที่ว่ายทวนน้ำ เผชิญกับคลื่นลมแรงอีกต่างหาก จึงจำเป็นต้องหาสถานที่และบุคคลที่เหมาะสม มาช่วยผ่อนแรงของเรา จนกว่าจะสามารถกลับไปสู่สภาวะเดิม ก็คือสมาธิที่เคยทรงตัวได้ แล้วก็ทำให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ วันศุกร์ที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เถรี) |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:18 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.