![]() |
บทสวดสัมพุทเธ
๑)ในบทสวดสัมพุทเธ ที่กล่าวถึงจำนวนพระพุทธเจ้าในอดีต ที่ตรัสรู้ไปแล้ว ทำไมพระพุทธเจ้าแบบวิริยะธิกะถึงมีจำนวนมากที่สุด ทั้ง ๆ ที่ใช้เวลาสร้างบารมียาวนานที่สุด แต่พระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะถึงมีจำนวนน้อยที่สุด ทั้ง ๆ ที่ใช้เวลาสร้างบารมีสั้นที่สุดครับ
๒)ในช่วง ๔ อสงไขยล่าสุดที่ผ่านมา ทำไมจึงมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้เพียง ๒๘ พระองค์ ถ้าหากว่าย้อนกลับไปดูพระพุทธเจ้า ๓ พระองค์แรกของภัทรกัปนี้ ท่านสร้างบารมีในช่วงปรมัตถบารมี ใช้เวลา ๘ อสงไขยและในช่วงนี้ท่านได้พบเจอกับพระพุทธเจ้าในอดีตมากถึง ๓๗,๐๐๐ กว่าพระองค์ ถ้าหากแบ่งช่วง ๘ อสงไขยล่าสุดเป็น ๒ ช่วง ช่วงละ ๔ อสงไขย ก็จะพบว่าช่วง ๔ อสงไขยแรกมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้มากถึง ๓๗,๐๐๐ กว่าพระองค์ และในช่วง ๔ อสงไขยหลังมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เพียง ๒๘ พระองค์ ทำไมจึงต่างกันมากขนาดนี้ครับ ๓)ในยุคปัจจุบันนี้เป็นภัทรกัป และในกัปถัดไปก็จะเป็นภัทรกัป ทำให้ ๒ กัปติดกันมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้มากถึง ๑๐ พระองค์ แล้วในอนาคตจากนี้ไปจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ติด ๆ กันคราวละมาก ๆ แบบนี้อีกไหมครับ ๔)การสร้างบารมีแบบปัญญาธิกะ ศรัทธาธิกะ และวิริยะธิกะ หลวงพ่อเคยกล่าวว่า ถ้าชอบตะเกียกตะกายด้วยตัวเอง ก็ต้องไปทางวิริยะธิกะ แล้วอีก ๒ แบบที่เหลือ มีจริตนิสัยเป็นอย่างไรครับ ๕)การสร้างบารมีของพระอัครสาวกกับพระปัจเจกพุทธเจ้าซึ่งใช้ระยะเวลา ๒ อสงไขยเท่ากัน แต่ท่านบำเพ็ญบารมี ยาก ง่าย ต่างกันอย่างไร ผลลัพธ์จึงต่างกันครับ ๖)พระปัจเจกพุทธเจ้าจำเป็นจะต้องมีความเชี่ยวชาญทั้งทางด้านฤทธิ์และปัญญาทั้งคู่หรือไม่ครับ ๗)พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์จำเป็นต้องเป็นพระปฏิสัมภิทาญาณทุกพระองค์หรือไม่ครับ ๘)หลวงพ่อเคยกล่าวว่าพระพุทธเจ้าท่านเป็นพระวิชชา ๓ ผมอยากทราบว่า เหตุใดท่านจึงไม่ใช่พระปฏิสัมภิทาญาณ ที่ครอบคลุมทั้ง วิชชา ๓ และอภิญญา ๕ ไปเลยครับ แล้วพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ จำเป็นหรือไม่ว่า ท่านต้องเป็นพระวิชชา ๓ เช่นเดียวกัน |
ถาม : ในบทสวดสัมพุทเธ ที่กล่าวถึงจำนวนพระพุทธเจ้าในอดีตที่ตรัสรู้ไปแล้ว ทำไมพระพุทธเจ้าแบบวิริยาธิกะถึงมีจำนวนมากที่สุด ทั้ง ๆ ที่ใช้เวลาสร้างบารมียาวนานที่สุด แต่พระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะถึงมีจำนวนน้อยที่สุด ทั้ง ๆ ที่ใช้เวลาสร้างบารมีสั้นที่สุดครับ ?
ตอบ : เพราะว่าผู้ที่มากด้วยปัญญามีน้อยกว่าผู้ที่มากด้วยศรัทธาและวิริยะ ถาม : ในช่วง ๔ อสงไขยล่าสุดที่ผ่านมา ทำไมจึงมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้เพียง ๒๘ พระองค์ ถ้าหากว่าย้อนกลับไปดูพระพุทธเจ้า ๓ พระองค์แรกของภัทรกัปนี้ ท่านสร้างบารมีในช่วงปรมัตถบารมี ใช้เวลา ๘ อสงไขยและในช่วงนี้ท่านได้พบเจอกับพระพุทธเจ้าในอดีตมากถึง ๓๗,๐๐๐ กว่าพระองค์ ถ้าหากแบ่งช่วง ๘ อสงไขยล่าสุดเป็น ๒ ช่วง ช่วงละ ๔ อสงไขย ก็จะพบว่าช่วง ๔ อสงไขยแรกมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้มากถึง ๓๗,๐๐๐ กว่าพระองค์ และในช่วง ๔ อสงไขยหลังมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เพียง ๒๘ พระองค์ ทำไมจึงต่างกันมากขนาดนี้ครับ ? ตอบ : ๘ อสงไขยกัปเป็นช่วงท้ายของการสร้างบารมี คุณไม่ได้นับช่วงต้นและช่วงกลางเข้าไปด้วย ถาม : ในยุคปัจจุบันนี้เป็นภัทรกัป และในกัปถัดไปก็จะเป็นภัทรกัป ทำให้ ๒ กัปติดกันมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้มากถึง ๑๐ พระองค์ แล้วในอนาคตจากนี้ไปจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ติด ๆ กันคราวละมาก ๆ แบบนี้อีกไหมครับ ? ตอบ : ถ้าวาระครบถ้วนก็ต้องมีจนได้ จะรอดูไหม ? ถาม : การสร้างบารมีแบบปัญญาธิกะ ศรัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ หลวงพ่อเคยกล่าวว่า ถ้าชอบตะเกียกตะกายด้วยตัวเอง ก็ต้องไปทางวิริยาธิกะ แล้วอีก ๒ แบบที่เหลือ มีจริตนิสัยเป็นอย่างไรครับ ตอบ : มากด้วยศรัทธาและมากด้วยปัญญา ถาม : การสร้างบารมีของพระอัครสาวกกับพระปัจเจกพุทธเจ้าซึ่งใช้ระยะเวลา ๒ อสงไขยเท่ากัน แต่ท่านบำเพ็ญบารมี ยาก ง่าย ต่างกันอย่างไร ผลลัพธ์จึงต่างกันครับ ? ตอบ : ฝ่ายที่อยากรู้ครบก็ต้องเรียนมากกว่า ทำให้เหนื่อยมากกว่า ถาม : พระปัจเจกพุทธเจ้าจำเป็นจะต้องมีความเชี่ยวชาญทั้งทางด้านฤทธิ์และปัญญาทั้งคู่หรือไม่ครับ ? ตอบ : อยากรู้ครบก็ต้องทำจนมีครบ ถาม : พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์จำเป็นต้องเป็นพระปฏิสัมภิทาญาณทุกพระองค์หรือไม่ครับ ? ตอบ : ไม่จำเป็น แต่ต้องเป็นอภิญญาเป็นอย่างน้อย ถาม : หลวงพ่อเคยกล่าวว่าพระพุทธเจ้าท่านเป็นพระวิชชา ๓ ผมอยากทราบว่า เหตุใดท่านจึงไม่ใช่พระปฏิสัมภิทาญาณ ที่ครอบคลุมทั้ง วิชชา ๓ และอภิญญา ๕ ไปเลยครับ แล้วพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ จำเป็นหรือไม่ว่า ท่านต้องเป็นพระวิชชา ๓ เช่นเดียวกัน ? ตอบ : รู้ครบทุกเรื่องจำเป็นไหมว่าต้องจบหลักสูตรนั้นด้วย ? |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:19 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.