กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   สัตว์ก็คือคน (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=744)

เถรี 24-07-2009 15:03

สัตว์ก็คือคน
 
สมัยอยู่ที่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ มีอยู่คืนหนึ่ง ใกล้สว่างก็นั่งกรรมฐานตามปกติ ก็เห็นสัตว์ตัวหนึ่ง สมัยนี้น่าจะหายาก เขาเรียก เพียงพอน ไม่ใช่พังพอนนะ พังพอนทั่ว ๆ ไป ตัวสักประมาณแขนเราแล้วก็ยาว ๆ แต่เพียงพอนนี่ตัวเกือบเท่าหมาไทย..!

ตอนนั้นอาตมามีองครักษ์ประจำตัวอยู่ เพราะว่าไปถึงเกาะใหม่ ๆ ก็ผูกมิตรเอาไว้เยอะ จะผีจะอะไรก็ไม่รู้ล่ะ อาตมาพยายามคุยด้วยผูกมิตรด้วย ไปใหม่ ๆ ต้องอาศัยเจ้าถิ่น เมื่อเพียงพอนตัวนี้มันมาวนอยู่รอบกุฏิ ท่านที่อาสาเป็นองครักษ์ประจำตัว ก็ไล่ฟัดกระจายเลย จึงไม่ทันได้ถามว่าเขามาทำอะไร

ตอนเช้าออกไปบิณฑบาต เดินขึ้นเขาไป สวนทางกับพรานที่กลับจากล่าสัตว์มา ปรากฏว่าเขาหิ้วเพียงพอนตัวนั้นมา ถามเขาว่ายิงได้เมื่อไร เขาบอกว่าตอนใกล้รุ่ง ประมาณตีสี่เกือบตีห้า แสดงว่าเพียงพอนตัวนั้นตายปุ๊บก็ไปหาอาตมาเลย น่าเสียดายมาก องครักษ์ท่านทำหน้าที่ดีไปหน่อย เขามาดีมาร้ายก็ไม่ถาม ไล่กระจายเลย

พวกสัตว์จริง ๆ แล้วก็คือคน แต่เนื่องจากว่าเขาทำกรรมเอาไว้มาก ก็เลยอยู่ในเขตของอบายภูมิ สัตว์เดรัจฉานนี่เป็นอบายภูมิอย่างเดียวที่อยู่ซ้ำถิ่นกับเรา สามารถสัมผัสกันได้ เพราะว่ากรรมของเขาเป็นส่วนที่น้อยแล้ว จะว่าเล็กน้อยเลยก็ไม่ใช่ เพราะกินก็ไม่ได้อย่างใจ พูดก็ไม่ได้ สื่อสารกับพวกเราก็ไม่ได้

ภาษาของเขาประกอบด้วยสามส่วนด้วยกัน คือ ภาษาเสียง ภาษากาย แล้วก็มีภาษาใจด้วย เคยสอนป้ามุกดาพูดภาษาหมาอยู่พักหนึ่ง บอกว่าหมาเขาทำท่าอย่างนี้หมายความว่าอย่างนี้ อย่างเวลาที่หมาหอมแก้ม..ไม่ใช่เขาหอมแก้มนะ เขาจะดมตรงมุมปาก ลักษณะที่ดมตรงนี้ ก็คือเขาถามว่ามีให้กินไหม จำไว้ให้แม่น ๆ เลยนะ พวกประเภทหมาหอมแก้มแล้วเอียงให้นี่ไม่ใช่หรอก หมาจะเอาขนม..!

หมาเขาจะเห็นคนเป็นจ่าฝูงหรือไม่ก็ผู้ที่อาวุโสกว่าในฝูง อย่างหมาในวัด ๔๐ - ๕๐ ตัว ภายในเวลาไม่นาน เขาจะรู้เลยว่าใครเป็นเจ้าอาวาส เพราะหมาเขาจะจัดลำดับอาวุโสของเขา ตัวไหนเคยแพ้ก็จะตกลำดับไป จะมีการกัดกันเพื่อจัดลำดับกันเป็นระยะ ๆ เพราะฉะนั้น..เวลาหมาทะเลาะกันอย่าไปห้าม เพราะจะทำให้ทะเลาะกันไม่เลิก ต้องให้รู้แพ้รู้ชนะกันไปเลย เขาจะจัดลำดับกันเอง ต่อไปตัวที่ชนะแฮ่ใส่ ตัวที่แพ้จะถอยไปเอง ถ้าเราไปห้ามไม่ให้ทะเลาะกัน เขาก็ไม่เลิกหรอก เพราะยังจัดลำดับไม่ลงตัว แล้วหมาก็จะว่าเจ้านายไม่ยุติธรรมเลย ไปเข้าข้างตัวอื่น

ฉะนั้น เรื่องของสัตว์เดรัจฉานเขาอยู่ในภูมิที่มีความทุกข์มากกว่าเราเยอะ แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นสัตว์เดรัจฉานแค่กายเท่านั้น จิตของเขาก็คือคน เพียงแต่ว่าแรงกรรมทำให้เขาต้องไปเสวยทุกข์ในคราบของสัตว์เดรัจฉาน ถ้าเป็นไปได้ช่วยเมตตาสงเคราะห์เขาหน่อย เนื่องจากว่าบางท่านก็เป็นปู่ย่าตาทวดของเราเอง

แล้วที่พบมามากต่อมากก็คือ คนเลี้ยงสัตว์มักจะกลายเป็นสัตว์ชนิดนั้น เพราะว่าใจไปยึดเกาะผูกพันอยู่กับสัตว์ คนไหนที่เลี้ยงหมาเมื่อหมามีอันเป็นไป แล้วร้องไห้แทบขาดใจให้ระวังไว้ แสดงว่ายึดอยู่กับหมามากจนเกินไป ถ้าหมาตายเขารักเรา ใจเขาเกาะเรา...เขาจะเกิดเป็นคน ถ้าใจเขาเกาะพระเกาะเสียงธรรม....เขาจะเกิดเป็นเทวดา แต่คนเลี้ยงไปเป็นหมา ก็เลยผลัดกันเลี้ยง ต้องระวังไว้ให้ดี สงเคราะห์เขาแต่พอสมควร ถึงเวลาทำหน้าที่ของเราให้ดี แต่ว่าต้องเข้าใจว่า ท้ายสุดต่างคนต่างตาย ต่างคนต่างไป รักเขาได้แต่อย่าหลง"

เถรี 24-07-2009 15:52

เวลาหมากระดิกหางถี่ ๆ มันแสดงอาการดีใจ ถ้ากระดิกหางช้า ๆ แปลว่าอยากจะผูกมิตรด้วย แต่ถ้าทำหางตกแปลว่ากำลังกลัว เพราะฉะนั้น เขามีทั้งภาษากาย ภาษาใจ ภาษาเสียง ถ้าศึกษาไม่ครบก็คุยกับเขาไม่รู้เรื่อง

คนเราจึงสู้เขาไม่ได้ ไม่มีอะไรสักอย่างสู้เขาได้เลย ความเร็วก็สู้ไม่ได้ หู ตา จมูกก็สู้ไม่ได้ และท้ายสุดความสามารถในการสื่อสารสู้ไม่ได้ เอาพวกเราทั้งหมดไปโยนอยู่กลางดงฝรั่ง เชื่อเถอะ..มีไม่กี่คนหรอกที่สื่อสารกับฝรั่งรู้เรื่อง แต่ถ้าเอาหมาไปโยนอยู่กลางดงหมาฝรั่งสิ เขาคุยรู้เรื่องกัน ไม่เห็นจะต้องฝึกภาษาเหมือนเราเลย เพราะฉะนั้น..เราสู้เขาไม่ได้แน่ ๆ ต่อไปอย่ามีมานะด่าใครว่า ไอ้ชาติหมา และก็อย่าไปด่าใครว่าไอ้สัตว์ เดี๋ยวถูกหมาด่าคืนว่าไอ้คน แล้วจะขายหน้า เพราะว่าคนเราสู้หมาไม่ได้สักอย่าง แย่จริง ๆ เลย..!

เถรี 24-07-2009 16:05

อยู่กับสัตว์สบายใจกว่าอยู่กับคนเยอะเลย โดยเฉพาะหมา เพราะว่าเขาไม่มีมายา นึกอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ เขาจะแสดงออกชัดเจนเลย

คนเรามีมายาประกอบไปด้วย พอมีมายาประกอบไปด้วย ก็เลยทำให้อ่านยาก เพราะซับซ้อนหลายชั้นหลายเชิง ขนาดรู้ทันแล้ว ถามว่าอย่างนั้นใช่หรือไม่ ? ..ไม่ใช่.. อย่างนี้หรือเปล่า ? ..เปล่า.. ปฏิเสธไว้ก่อนเดี๋ยวเสียเชิง เรื่องตรงนี้เป็นเรื่องของสักกายทิฏฐิและมานะที่หลายซับหลายซ้อน ต้องเรียกว่าระบบป้องกันตัวเองดี แต่ความจริงกิเลสเขาสอน ทั้งหมดมารวมลงที่ว่ารักตัวเอง กลัวเสียหน้า กลัวคนอื่นรู้ทัน ท้ายสุดก็มาลงที่ตัวเอง

เราจะเห็นได้อย่างหนึ่งว่า ในความไม่รู้ของสัตว์ เลยทำให้เขาแสดงอาการออกมาอย่างนั้น เราหัวเราะเล่นเป็นของสนุก ลองนึกถึงข้างบนเขามองเราลงมาบ้างสิ.... มนุษย์ที่ประกอบด้วยความไม่รู้ ในความเป็นเทวดา เป็นพรหม เขาก็เห็นตลกเหมือนอย่างที่เราเห็นสัตว์ ขายหน้าไหม ? ฉะนั้น..หัดทำอะไรที่ฉลาด ๆ หน่อย

เห็นความดีของเขา ขณะเดียวกันก็เห็นจุดบกพร่องของเขาด้วย เสร็จแล้วก็นำมาสอนใจเรา ถ้าพลาดก็เป็นอย่างเขา ขณะเดียวกันถ้าเป็นอย่างเขาก็ยังดี กลัวว่าจะเป็นต่ำกว่าเขา..

เป็นต่ำกว่าเขานี่ก็ต้องลำบากมาก กว่าจะหลุดมาได้ ลองไปอ่านในเปตวัตถุ แต่ละตัวสุดยอดเลย เปรตกินลูก คลอดลูกมาเมื่อไรก็ฉีกเนื้อกินหมด ปรากฏว่าในสมัยที่เป็นมนุษย์อยู่ เป็นหมอตำแยรับจ้างทำแท้ง นั่นแค่เศษกรรมนะ การทำให้ชีวิตเขาตกล่วงไปต้องลงนรกก่อน แล้วเศษกรรมก็มาเป็นเปรตกินลูก


เทศน์ที่บ้านอนุสาวรีย์
๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:59


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว