![]() |
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑
ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ ตามที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ ข่าวคราวที่โด่งดังอยู่ในบ้านในเมืองของเรา ติดต่อกันมาครึ่งเดือนแล้วก็คือ เรื่องของนักฟุตบอลทีมหมูป่าพร้อมกับผู้ฝึกสอน ไปติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งในเรื่องนี้นั้น ทางด้านสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หรือว่าสื่อโซเชียลต่าง ๆ ต่างแข่งขันกันออกข่าว ซึ่งส่วนหนึ่งก็หาความจริงไม่ได้ ดังนั้น...การที่เราจะเสพรับข่าวต่าง ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่กระแสบริโภคนิยมแบบนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสติ เราขาดสติเมื่อไรก็จะไหลตามกระแสไปทันที สตินั้นถ้าจะให้เป็นไปในทางที่ดีที่ชอบ เป็นสัมมาสติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ต้องเป็นไปในสติปัฏฐานทั้ง ๔ คือ พิจารณาให้เห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม หรือจะตามระลึกถึงคุณความดีทั้ง ๑๐ ประการ คือ คุณความดีของพระพุทธเจ้า คุณความดีของพระธรรม คุณความดีของพระสงฆ์ คุณความดีของพรหมเทวดา คุณความดีในการบริจาคให้ทาน คุณความดีในการรักษาศีล การระลึกถึงความตายเพื่อจะได้ไม่ประมาทในชีวิต การระลึกถึงความสงบระงับจากกิเลส อย่างเช่น อารมณ์พระนิพพาน หรือว่าระลึกถึงความเป็นจริงของสภาพร่างกายของเราว่าไม่ใช่แท่งทึบ ประกอบไปด้วยอวัยวะภายในภายนอกใหญ่น้อย หรือว่าจะระลึกถึงลมหายใจเข้าออก ซึ่งลมหายใจเข้าออกนั้น เป็นตัวสร้างสติที่ดีที่สุด ขณะจิตใดที่เรายังอยู่กับลมหายใจเข้าออก ขณะจิตนั้นกิเลสกินใจเราไม่ได้ ถ้ายิ่งสามารถจดจ่อแน่วแน่อยู่จนทรงเป็นอัปปนาสมาธิ เราก็จะมีกำลังในการตัดกิเลสมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระดับความเข้มข้นในสมาธิของเรา ดังนั้น...การที่เราต้องมีสติ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ หยุดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หยุดอยู่กับปัจจุบันตรงหน้า หยุดอยู่กับตอนนี้ เดี๋ยวนี้ คือ เอาสติตามดูลมหายใจเข้า ตามดูลมหายใจออก พร้อมกับกำหนดคำภาวนาที่เราชอบ เราถนัดไปด้วย ถ้าเรามีสติมั่นคงอย่างนี้ ก็สามารถที่จะนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราได้ จะทำอะไรก็มีสติ ไม่ไหลไปตามกระแส ไม่ว่าจะเป็นข่าวทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นในโซเชียลมีเดีย หรือว่าในเรื่องของการโฆษณาชวนเชื่อใด ๆ ก็ตาม |
เราจะเห็นว่าในส่วนของการปฏิบัติธรรมนั้น ส่วนที่สำคัญมากก็คือ ต้องสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้ โดยเฉพาะสติเป็นหลักธรรมที่เกื้อหนุนหลักธรรมทุกประเภท ถ้าหากว่ามีสติอยู่เฉพาะหน้าของเรา สภาพจิตก็จะผ่องใสจากกิเลสชั่วคราว เพราะว่าไม่เผลอไปนึกคิดปรุงแต่งให้เป็น รัก โลภ โกรธ หลง จนกว่าที่เราจะสามารถมีสติรู้รอบโดยไม่ผิดพลาด นั่นก็คือเข้าถึงความเป็นพระอรหันต์ ซึ่งเป็นจุดหมายสุดท้ายของพวกเรา
ดังนั้น...ในช่วงที่เขาเล่นกับกระแสข่าวในลักษณะอย่างนี้ เราก็ต้องมีสติเลือกในการเสพรับ โดยเฉพาะหยุดใจของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก เพื่อที่กิเลสใหม่จะได้เกิดไม่ได้ แล้วใช้ปัญญาในการพินิจพิจารณา ขัดเกลากิเลสเก่าของเรา ให้ค่อย ๆ ลดน้อยถอยลงและหมดสิ้นไป ถ้าหากว่ากรรมใหม่เราไม่สร้าง กรรมเก่าค่อย ๆ หมดไป ด้วยการที่เราพยายามชำระกิเลสทั้งหลายเหล่านั้น ให้พ้นไปจากใจของเรา เราก็จะก้าวขึ้นสู่ความบริสุทธิ์เรื่อย ๆ ไปตามลำดับ จนท้ายที่สุดก็สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ วันศุกร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา) |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:16 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.