![]() |
ขึ้นที่สูงเหลียวมองหลังบ่อย ๆ
วันก่อนสอนพระเณรในเรื่องของพระอนุรุทธ พระอนุรุทธท่านระลึกถึงมหาปุริสวิตก ๘ ประการ ข้อสุดท้ายว่า พระธรรมวินัยนี้เป็นของบุคคลที่ยินดีในธรรมอันไม่เนิ่นช้า อะไรที่เป็นเครื่องถ่วงท่านตัดหมด ปรากฏว่า ๗ พรรษา ท่านถึงบรรลุธรรมได้เป็นพระอรหันต์
เพื่อนร่วมรุ่นที่บวชพร้อมกัน ๖ ท่าน บรรลุธรรมไปแล้ว ๔ ท่าน เหลืออีก ๒ ท่าน คือ พระอานนท์ ซึ่งทำหน้าที่อุปักฐากพระพุทธเจ้า การจะปฏิบัติเพื่อตัวเองก็เลยน้อย ท่านบรรลุธรรมแค่พระโสดาบันอยู่จนกระทั่งพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ๓ เดือน ท่านถึงได้เป็นพระอรหันต์ ส่วนพระเทวทัต พอทำอภิญญาให้เกิดได้ก็ไปหลงติดอยู่แค่นั้น จนก่ออนันตริยกรรมลงนรก นอกนั้นเพื่อนร่วมรุ่นของท่าน ไม่ว่าจะเป็นท่านภัคคุ ท่านกิมพิละ ท่านภัททิยะ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ไปกันเป็นแถวเลย จนกระทั่งนายภูษามาลา (ช่างตัดผม) คือ ท่านอุบาลี ก็บรรลุธรรม คนอื่น ๆ เขาไปตั้งแต่แรก ๆ เลย พระพุทธเจ้าเทศน์ก็กลายเป็นพระอรหันต์ พระอนุรุทธปล้ำอยู่ ๗ ปี ในมหาปุริสวิตก ๘ ประการข้อสุดท้าย ต้องเป็นผู้ยินดีในธรรรมอันไม่เนิ่นช้า ท่านบอก ตัณหา มานะ ทิฐิ เป็นธรรมอันเนิ่นช้า เป็นเครื่องที่จะถ่วงดึงเราเอาไว้ พวกเรามาถึงระดับนี้แล้ว เหลียวมองหลังบ่อย ๆ ขึ้นที่สูงถ้าไม่มองหลังเดี๋ยวพลาด ในจุดนี้หมายความว่า ก่อนหน้านี้เราเป็นอย่างไร ? ปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร ? เป้าหมายที่เราตั้งไว้ในข้างหน้าเป็นอย่างไร ? จะได้รู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้เราอยู่จุดนี้ เราจะต้องเร่งรัดเพื่อไปยังเป้าหมายนั้น หรือว่าเราจะต้องเปลี่ยนทางนี้นิด เปลี่ยนทางโน้นหน่อย เพื่อให้กลับเข้าที่เดิมหลังจากโดนเขาดึงออกนอกทางไปแล้ว สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๕ |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:53 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.