![]() |
เผลอเป็นโดน...!!!
ถาม : .................................................
ตอบ : อาตมาไปภาคใต้มา ๑๐ วัน ๑๐ คืน กินไม่พอนอนไม่พอเหนื่อยตลอด ก็เกิดอาการเครียดมาก แต่กลับมาถึงวัดก็ต้องมาทำงาน ทำหนังสือสุทธิให้พระครูน้อยกับท่านก้อง โดยขอให้พระครูบ่าวช่วยเขียน เพราะลายมือท่านสวย ปรากฏว่าวันนั้นไม่รู้ว่าเป็นอะไร ท่านเขียนผิดแล้วผิดอีก ลบแล้วลบอีกอยู่นั่นแหละ อาตมาก็..รักษาอารมณ์ใจของตัวเอง ปากดุก็จริง แต่ดูใจอยู่ตลอดว่าเป็นอย่างไร จนกระทั่งพระครูบ่าวเขียนเสร็จเรียบร้อย อาตมาก็ติดรูป หนังสือสุทธิมี ๒ ฉบับ โอกาสพลาดมีแน่ ๆ อยู่แล้ว ที่จะติดสลับกัน อาตมาก็ระวังจุดนี้ ดูแล้วดูอีกว่าไม่ผิดแน่จึงติด พอติดเสร็จกลายเป็นสลับกัน..! เขาทำอย่างไรถึงแหกตาขนาดเห็นชื่อคนหนึ่งเป็นอีกคนหนึ่งไปได้ อาตมาก็ไม่ว่าอะไร บอกพระครูน้อยที่ท่านเซ็นหนังสือสุทธิไปแล้ว ให้กลับมาเซ็นใหม่ พอพระครูน้อยเซ็นเสร็จเรียบร้อย อาตมาก็แกะรูป แทนที่แกะรูปเสร็จแล้วจะขอรูปใหม่มาติด เปล่าหรอก ส่งรูปที่เหลือคืนให้พระครูน้อยไป พระครูน้อยก็เตรียมจะขึ้นรถเพื่อเดินทาง อาตมานึกขึ้นมาได้ "อ้าว...เอากูอีกยกแล้วหรือ ?" ทำไมมาเป็นชุด ๆ เลย แล้วมาจังหวะที่อาตมากำลังเครียดสุด ๆ ด้วย จะเอาให้ได้ว่าอย่างนั้นเถอะ..! อาตมาก็ว่า..ไม่เป็นไร ไหน ๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว จะดุจะด่าจะโทษใครก็ไม่ได้นอกจากตัวเราเอง |
บอกพี่มุกดาให้วิ่งตามไปเอารูปใหม่มา พี่มุกดาก็วิ่งลงทางหลังวัดที่เป็นสะพานจะไปขึ้นรถ แกวิ่งท่าไหนไม่รู้ ไถลพรืดลงไปได้มา ๕-๖ แผล ตกลงว่าอาตมารักษากำลังใจเอาไว้ได้ แต่คนอื่นเจ็บตัวแทน เขาเอาจนได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แล้วพี่เขาก็บ่นกะปอดกะแปดขึ้นมา สอบตกไปเรียบร้อยแล้ว ... (หัวเราะ)...อาตมาสอบได้ พี่เขาสอบตกแทน เจ็บตัวฟรี การทดสอบก็จะมาในลักษณะอย่างนี้ ต้องคอยระวังอยู่ตลอดเลย เผลอเมื่อไหร่เป็นโดน..!
พอรู้ตัวว่าเครียด สติต้องจดจ่ออยู่ตรงหน้าเลย อย่าเผลอเป็นอันขาด ความเครียดจะไม่อยู่แค่เราแล้ว จะไปลงที่คนอื่นด้วย อย่างพวกเรายังรักษาอารมณ์ใจลักษณะนี้ไม่เป็น ยังคลายออกไม่เป็น ยังปลดทิ้งไม่เป็น ก็ให้อยู่แค่ตัวเอง อย่าไปใส่คนอื่นแทน ขังเสือไว้ในอกให้กัดเราคนเดียวก็พอ แบบนี้ถือว่าใช้ได้ คือเสียแค่ใจ กายวาจาไม่เสีย อย่างน้อย ๆ เราก็ได้กำไร ๒ ส่วน แต่ถ้าใจเสียด้วย กายวาจาเสียด้วย เราจะไม่เหลือสักสลึงหนึ่ง ถูกกินหมดทุกส่วนเลย มีอีกแบบหนึ่งคือ เรารู้สึกว่าเครียดไม่ไหวแล้ว จะระเบิดแล้ว ก็ไม่ต้องไปถือมารยาทอะไรมาก เดินหนีไปเลย ไม่ต้องไปอยู่ตรงนั้น ถ้าอยู่ต่อไปเป็นเรื่องแน่ ๆ หลวงปู่หล้า ท่านถึงได้บอกว่า "หัดเป็นนักหลบซะบ้าง อย่าเป็นนักรบอย่างเดียว" ต้องหลบให้เป็น เมื่อสู้ไม่ไหว...พวกที่รู้ว่าสู้แล้วแพ้แต่ก็ยังสู้ ท่านบอกไม่ใช่ผู้มีปัญญา รู้ว่าสู้ไม่ไหวก็ต้องหลบก่อน สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ |
ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ในเว็บพลังจิตครับ
|
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:02 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.