กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   วิชาโลหะศาสตร์โบราณ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2818)

โอรส 27-07-2011 11:22

วิชาโลหะศาสตร์โบราณ
 
สมัยก่อนในเมืองจีนเวลาเขาทำกระบี่วิเศษครั้งหนึ่ง เขาจะเอาเหล็กสามร้อยชั่งหลอมเหลือสามสิบตำลึง ยี่สิบตำลึงเท่ากับหนึ่งชั่ง เหล็กสามร้อยชั่งหลอมเหลือชั่งครึ่ง คือเหล็กหนึ่งชั่งครึ่งสามารถสร้างกระบี่ได้เล่มเดียว... โอ้โฮ !

สงสัยหมดไม้เป็นป่า เพราะต้องสุมหลอมเหล็กไล่ขี้เหล็กไปเรื่อย ๆ เคยไปดูเขาหลอมเหล็กไหม ? ถึงเวลาพอหลอมแล้วส่วนที่ไม่ดีจะลอยเป็นฝ้าขึ้นมา ก็นั่นแหละหลอมไล่ขี้เหล็กทิ้งไปเรื่อย ๆ จนเหลือแต่เนื้อเหล็กบริสุทธิ์ที่ทั้งเหนียวทั้งหนัก

เมื่อหลอมเสร็จแล้วส่วนที่เหลือก็มาตีควบเป็นแท่ง จากแท่งก็ตีเป็นรูปอาวุธ มาขัด มาเกลา มาตะไบ กว่าจะเป็นอาวุธได้ เหลือเชื่อจริง ๆ ว่าจะคมขนาดนั้น แล้วความคงทนจะขนาดไหน ? เราดูถูกโลหะศาสตร์แบบโบราณไม่ได้ ลองไปดูปืนใหญ่ที่กระทรวงกลาโหมมีกระบอกไหนมีสนิมกินบ้างไหม ? ไม่มี..เขียวปลอดเลย นั่นแหละ..วิชาโลหะศาสตร์ แบบโบราณเขาใช้โลหะหลาย ๆ อย่างมาผสมรวมกัน

เคยดูสารคดีเรื่องจีนแผ่นดินมหัศจรรย์ เขาขุดได้กระบี่วิเศษเล่มหนึ่ง จากสุสานของฮ่องเต้องค์ไหนก็จำไม่ได้แล้ว ลักษณะเป็นตัวกระบี่ยาว ส่วนด้ามที่เป็นโลหะ หรือเป็นไม้อย่างอื่นผุหายไปหมด เหลือแต่ตัวกระบี่ส่งแสงเป็นประกายรุ้งเลย ไม่มีสนิมแม้แต่จุดเดียว เคยอ่านไหม ? เรื่องของโก้วเล้งที่เขียนว่า คนโดนฟันขาดสองซีกแล้วยังวิ่งไปได้ตั้งไกล ไม่รู้ตัวว่าโดนอาวุธเข้าไปแล้ว ต้องขนาดนั้นเลย

โอรส 27-07-2011 11:23

ถาม : คนโดนฟันยังวิ่งต่อไปได้สักพัก ?
ตอบ : วิ่งต่อไปสักพักหนึ่งแล้วแบะออกเป็นสองซีกร่วงแผละลงไปกับพื้น น่ากลัวขนาด..เห็นแล้วสยองเลย..! เขาเอากระบี่ที่ขุดได้กรีดกระดาษปรื๊ดเดียวขาดทั้งปึกเลย ไม่ใช่แผ่นเดียวนะจ๊ะ ขาดหมดทั้งปึกเลย เพราะฉะนั้น..วิชาการของโบราณเราดูถูกไม่ได้ เหล็กเหนียวเหล็กแข็งของไทยเราสูญไปแล้ว แต่จริง ๆ ถ้าเขาค้นคว้าหาสูตรใหม่น่าจะได้ อย่างเหล็กแข็งยังมีตัวอย่างอยู่ คือปืนใหญ่ที่หน้ากระทรวงกลาโหม แต่เหล็กเหนียวไม่รู้ว่าจะไปหาตัวอย่างได้ที่ไหน ?
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า เมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ท่านได้ดาบมาเล่มหนึ่งเป็นดาบเหล็กเหนียว ท่านเรียกว่า "เหล็กกัมพล" เหล็กกัมพล คือเหล็กเหนียวที่อ่อนเหมือนกับผ้า ท่านบอกว่าสามารถงอปลายมาติดกับด้ามได้

อาตมาไปทดลองน้ำหนักดาบน้ำพี้ที่บ่อเหล็กน้ำพี้ ดาบของเขาอาตมาหยิบเล่มไหนขึ้นมาก็สั่นหัวทุกเล่ม น้ำหนักของดาบไม่ได้ จนกระทั่งเขาทนไม่ไหว เอาดาบที่ตียาวพิเศษหนึ่งเมตรห้าสิบเซนติเมตรมาให้อาตมาลองจับดู ก็เบาเกินไปอีก ถึงได้บอกเขาว่าถ้าอาตมาสั่งตีพิเศษต่างหากจะได้ไหม ? เขาบอกว่าได้ ถามว่านานไหม ? เขาบอกว่า ๒ อาทิตย์ถึงจะได้ ก็เลยบอกเขาว่า ถ้าหากว่าโยมทำดาบให้อาตมา สันดาบต้องหนาอย่างน้อยหนึ่งเซ็นติเมตร..!

เพราะเขาพยายามที่จะลดวัสดุ จนน้ำหนักดาบไม่ได้ สำหรับอาตมาอย่างน้อย ๆ สันดาบควรจะหนาสักหนึ่งเซ็นติเมตรถึงจะพอเหมาะ ที่เขาทำลักษณะเหมือนกับให้ซื้อไปตั้งไว้ดูเล่น หรือไม่ก็ไปเข้าพิธีแล้วก็เป็นของป้องกันภัยอะไรอย่างนั้น

ไม่รู้ว่าจะเอาแบบไหนดี พอดีไปเจอเล่มนี้เข้า (พระขรรค์ที่ตั้งอยู่ในตู้ที่บ้านอนุสาวรีย์) น้ำหนักพอดี เล่มนี้ไม่ขี้เหนียว ตีหนาหน่อย ก็เลยซื้อมาพร้อมกับฐานของเขา เล่มนี้เขาทำเป็นพระขรรค์มีลงยันต์มาด้วย

ถามว่าเหล็กน้ำพี้ขึ้นสนิมไหม ? เผลอก็เอาเหมือนกัน แต่ว่าเล่มนี้ตั้งแต่ซื้อมายังไม่เป็นไร ที่โบราณเขาว่า "สีปีกแมลงทับ" นั้น จริง ๆ แล้วน่าจะเป็น "สีปีกแมลงภู่" มากกว่า ปีกแมลงทับสีออกเขียวเหลือง ปีกแมลงภู่สีออกสีน้ำเงินเข้ม

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:59


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว