![]() |
เส้นทางพระโพธิสัตว์ ตอนที่ ๕
2 Attachment(s)
นาฬิกาเป็นเหตุ เสียงกับเข็มไม่ตรงกัน ท่านชาได้ยินตีสี่ครั้งก็รีบพรวดพราดลุกขึ้น พาคนอื่นตื่นตามกันเป็นแถว เหลืออาตมานอนภาวนาเฉยอยู่คนเดียว ฮิ...ฮิ...ไอ้ตัวทำให้นาฬิการวนดันนอนเงียบแบบนี้ ใครจะรู้บ้างหรือไม่นี่ ?
จนตีสี่ของจริงค่อยลุกไปล้างหน้าเช็ดตัว แล้วมาไถ่โทษด้วยการปรับนาฬิกาให้ตรง จากนั้นพวกเราสวดมนต์ทำวัตรเช้า เสร็จแล้วพวกท่านโกวินทะทำสมาธิภาวนาต่อ... http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306241079 พระพม่าออกบิณฑบาตในเมืองมุด่ง มีเด็กวัดคอยตีกังสดาลนำหน้า วันนี้ต้องไปฉันเช้าในหมู่บ้าน โยมเขานิมนต์พระทั้งวัด บางบ้านนิมนต์ทีเดียวสามวัด ถ้านิมนต์น้อยเขานิยมแค่ ๕ รูป ไปถึงลงมือฉันได้เลย ท่านตู่ไม่เคยเห็นพระพม่าฉันด้วยมือ เพราะที่วัดตองไวและวัดหนองบัวเขาก็จัดช้อนส้อมให้ มาที่นี่เห็นเขาจัดสบู่ล้างมือก้อนเล็ก ๆ วางมาในจาน นึกว่าเป็นขนม เกือบคว้ามาฉันอยู่แล้ว ดีที่เห็นรูปอื่นเขาใช้ล้างมือซะก่อน..! เรียบร้อยแล้วเหลือท่านอาจารย์ใหญ่กับพระอื่นอยู่ให้พร ๕ รูป พวกเราเดินลัดกลางหมู่บ้านกลับวัด... http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306401440 ท่านชา ท่านป๊อป ท่านตู่ นั่งไซด์การ์ (สามล้อพม่า) พระอาจารย์ใหญ่กลับมาเตรียมตัวออกบิณฑบาตต่อ พวกเรารอทิดจิตรไม่ไหว จึงออกเดินไปเอง ชมชีวิตยามเช้าของชาวเมืองมุด่งไปด้วย อาตมาถ่ายรูปพระออกบิณฑบาต รถม้า และสามล้อพ่วงข้างไปหลายรูป ไปถึงทิดจิตรไม่อยู่ ไปตามพวกเราจนพลัดหลงกัน..! |
3 Attachment(s)
พ่อตัวดีกลับมาสองโมงเช้าพอดี หม่องหม่องญาติของทิดจิตรพาเหาะไปมะละแหม่ง เติมน้ำมันนอกเมืองแกลลอนละ ๓๕๐ จั๊ต แฮ่... แพงแท้..! ถึงมะละแหม่งทิดจิตรขอแวะหาญาติอีก คราวก่อนพ่อคนญาติเยอะมาตอนยังบวชอยู่ เลยไม่ได้แวะ ถูกญาติโยมบ่นเป็นกระบุงโกย...
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306401124 เรือโทกันยุนท์ (มุมขวาใน)มีศักดิ์เป็นพี่เขยทิดจิตร ขอเลี้ยงกาแฟ ญาติทิดจิตรถามหาครูบาใหญ่ ทุกนิ้วชี้หมับมาที่อาตมา เล่นเอาโยมร้องว่าทำไมยังหนุ่มนัก ถามไปถามมาโยมมีลูกแล้ว ๕ คน แต่อายุยังน้อยกว่าอาตมาหลายปี อย่างนี้หลวงตาแก่อย่างอาตมา ยังพอจะหลอกเขากินไปได้อีกนาน คุยกันครู่หนึ่งโยมตั้งโต๊ะเลี้ยงกาแฟพระซะนี่... http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306401124 ร้านตัดผมลมโชยเกศา อยู่หน้าบ้านพี่เขยของทิดจิตร ฉันเสร็จให้พรแล้ว หม่องหม่องพาไปไหว้พระกัน เริ่มจากวัดโลกะสรภูสัพพัญญู หน้าจุดชมวิวเมืองมะละแหม่ง พระประธานปางปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์สวยงามมาก ทั้งที่เป็นปูนปั้นลงสี แต่สวยเป็นจริงเป็นจังจนน่าทึ่ง เสียแต่ทำเป็นห้องกระจก ทำให้ไม่มีมุมถ่ายรูป... http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306401124 พระเจดีย์ไจ๊ซานลาน (สยามพ่าย) เปลี่ยนชื่อเป็นไจ๊ตาลาน มีลิฟท์ขึ้นพระเจดีย์ด้วย พระเจดีย์ไจ๊ตาลานเป็นที่ต่อไป เดิมชื่อไจ๊ซานลาน แปลว่าเจดีย์สยามพ่าย สาเหตุมาจากสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยกกองทัพอันเกรียงไกรมาเหยียบอาณาจักรพม่า ทางพม่าทราบแน่ว่าสู้ไม่ได้ จึงออกอุบายให้มาสร้างเจดีย์แข่งกัน... |
1 Attachment(s)
ภายในคืนเดียวถ้าไทยสร้างเสร็จก่อน พม่าจะยอมเป็นเมืองขึ้น ถ้าพม่าสร้างเสร็จก่อน ไทยต้องถอยทัพกลับไป เรียกว่าไม่ต้องรบกันให้เสียเลือดเนื้อทั้งสองฝ่าย ไทยสร้างทางเมืองมะละแหม่ง พม่าข้ามอ่าวไปสร้างที่เมืองเมาะตะมะ...
การกำหนดให้มีทะเลกั้นนี้อยู่ในแผนของฝ่ายพม่า ขณะที่กองทัพไทยระดมกำลังสร้างพระเจดีย์ได้เกือบเต็มองค์อยู่นั้น มองข้ามอ่าวไปเห็นเจดีย์ของทางฝ่ายพม่าเสร็จเรียบร้อย ขาวโพลนโดดเด่นอยู่ในความมืด จึงถอยทัพกลับตามสัญญา... http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306483513 ช่วงฐานพระเจดีย์ไจ๊ตาลานเป็นลักษณะย่อมุมไม้สิบสองแบบไทย แต่ส่วนองค์ระฆังขึ้นไปถูกแปลงเป็นแบบพม่า ความจริงเราถูกพม่าหลอก ทางเขาใช้ไม้ไผ่ทำโครงพันด้วยผ้าขาว ดูในความมืดซ้ำยังมีทะเลกั้นจึงเหมือนจริงมาก เมื่อทางไทยกลับไปแล้ว พม่าก็รีบสร้างเจดีย์ของเขาให้เสร็จ ป้องกันไม่ให้ไทยสืบทราบข้อเท็จจริงได้... ส่วนเจดีย์ที่ไทยสร้างไม่เสร็จ พม่ามาช่วยต่อส่วนยอดจนเต็มองค์ แล้วเรียกว่าพระเจดีย์สยามพ่ายเรื่อยมา จนถึงยุคหลังทางพม่าเกรงว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงเปลี่ยนชื่อจากไจ๊ซานลาน เป็นไจ๊ตาลานด้วยประการฉะนี้... |
2 Attachment(s)
พวกเราขึ้นลิฟท์ไปกราบพระเจดีย์ด้วยราคาคนละ ๕ จั๊ต จากนั้นยกขบวนไปวัดหลวงพ่อพระมหามุนีที่อยู่ติดกัน กราบพระมหามุนีจำลอง ร่วมทำบุญสร้างเครื่องทรงทองคำขององค์พระมหามุนี ชิ้นที่วางโชว์ในตู้กระจกเป็นทองคำหนักตั้ง ๓๐ บาทแน่ะ...
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306612644 วัดพระมหามุนีเมืองมะละแหม่ง พลขับของเราขับรถลุยเข้าไปเลย..! ฤๅษีอูคันตี (ท่านขันติ) มาตามแบบพระโพธิสัตว์แท้ เที่ยวไปก่อสร้างถาวรวัตถุตามที่ต่าง ๆ หลายแห่ง แต่ละที่เป็นเงินหลายสิบล้าน มณฑปวัดอูคันตีของมะละแหม่งก็เช่นกัน เฉพาะค่าโครงเหล็กอย่างเดียว รับรองว่าสิบล้านไม่อยู่แน่นอน... http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306612644 มณฑปวัดอูคันตี (ท่านขันติ) เมืองมะละแหม่ง กราบหลวงพ่อพระมหามุนีจำลองในมณฑปวัดอูคันตีแล้ว อาตมาออกมาดูเขาตีกอล์ฟกัน พม่ารับธรรมเนียมอังกฤษมาเยอะมาก เฉพาะสนามกอล์ฟมีแทบทุกเมือง พื้นสนามอีหลุปุปะแท้ ๆ เขายังตีโฮลอินวันได้ ไทเกอร์ วูดส์ชิดซ้ายไปเลย..! มิสเตอร์หม่องพามาถึงวัดตองไวของมะละแหม่ง ทั้งที่ไปอยู่ทองผาภูมิเป็นปี ดันพูดไทยได้แค่ไม่กี่คำ พอถึงบอกเป็นภาษาอังกฤษว่า “เต็มเปิ้ล (temple)” อาตมาถามภาษาพม่าชัดแจ๋วว่า “ตองไวจ๊อง..?” หนุ่มพม่าพยักหน้าหัวเราะแหะ ๆ... |
2 Attachment(s)
วัดตองไวมีสิ่งก่อสร้างมากมาย พวกเราเข้าชมพิพิธภัณฑ์ของวัด แผ่นดินพระพุทธศาสนา พระเจ้าสิบชาติ และพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ แล้วเดินนับพระอรหันต์ ๘๐ องค์ ที่เขาสร้างองค์โตกว่าคน กว่าจะครบ ๘๐ องค์ ก็เล่นเอาเหนื่อยลิ้นห้อยไปตาม ๆ กัน...
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306699466 วงเวียนน้ำพุนกการเวก เป็นป้ายบอกทางไปในตัว ฉันเพลที่ร้านค้าในวัด ๗ คนกินกันจนจุก คิดเป็นเงิน ๑,๑๗๕ จั๊ต ท่านตู่แสดงความเฟอะฟะด้วยการยกน้ำล้างมือขึ้นมาจะซดอยู่แล้ว ท่านชาไม่น่าห้ามเลย ไม่อย่างนั้นคงมีเรื่องอำกันอีกนาน ทิดจิตรซื้อส้มผลละ ๗ จั๊ตมาให้ล้างปาก แหม..มันเปรี้ยวน้อยกว่ามะนาวนิดเดียว..! ๑๑.๓๐ น. หม่องหม่องพาพวกเราซิ่งออกหลังเมือง เพื่อไปยังอำเภอไจ๊มะยอ หลังเมืองมีวงเวียนสร้างใหม่ เป็นนกการเวกจับอยู่เหนือน้ำพุ มีป้ายบอกทางพร้อมสรรพ วิ่งไปตามถนนที่มีต้นตาลขนาบ ๒ ข้าง แต่ละต้นอายุไม่หนี ๔๐-๕๐ ปี งามประทับใจทีเดียว.. http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306699466 ถนนสายต้นตาล เป็นจุดที่มักจะมาถ่ายภาพยนตร์กัน ถัดจากช่วงนั้นเป็นต้นตาลรุ่นลูกรุ่นหลาน อายุระหว่าง ๕ – ๑๐ ปี อาตมาบำเพ็ญตนเป็นนางฟ้าโปรยเงินทำบุญเหมือนเดิม ทิดจิตรแวะบ้านญาติที่อยู่ทางนี้ครู่หนึ่ง แล้วบึ่งยาวมาถึงวัดพะยาจีของเมืองไจ๊มะยอ.. |
1 Attachment(s)
ดูจากด้านนอกเห็นเป็นโบสถ์เก่า ๆ ไม่มีอะไรสะดุดตา ที่ไหนได้...ข้างในเขาประดับกระจกทั้งหลัง ฝีมือประณีตงดงามมาก หลวงพ่อพะยาจีองค์ใหญ่นั่งเด่นเป็นสง่า มีพระอัครสาวกขนาบข้าง รายรอบนั้นล้วนแล้วแต่พระอรหันต์ทั้งสิ้น...
ทิดจิตรบอกว่า หลวงพ่อพะยาจีนี้กษัตริย์มอญเป็นผู้สร้าง ท่านนาวินที่เป็นเจ้าถิ่นก็ไม่ทราบประวัติ บอกได้แค่ว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ใครมีเรื่องกันถ้ามาสาบานที่นี่ ความจริงจะปรากฏชัดโดยเร็ว คนถึงได้กลัวกันนัก พวกเรากราบบูชาและทำบุญกันตามอัธยาศัย... http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306785176 หลวงพ่อโต วัดพะยาจี เมืองไจ๊มะยอ ที่เลื่องลือว่าศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง รถสตาร์ทไม่ติด เหตุเพราะแบตเตอรี่เก็บไฟไม่อยู่ ชาวบ้านใจดีหลายคนช่วยกันเข็นจนติด มาถึงแถวบ้านญาติทิดจิตร ความร้อนขึ้นจนต้องขอน้ำเขามาราดเป็นถัง..! ปกติจากตรงนี้ถ้าไปทางลัด ครู่เดียวก็จะถึงวัดอูซินะ แต่นายหม่องแกจะเติมน้ำมันรถ จึงต้องย้อนกลับมามะละแหม่งอีก ทางปั๊มปันส่วนให้ ๔ แกลลอน ๗๒๐ จั๊ต สองวันถึงจะเติมได้ทีหนึ่ง ถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็โน่น...ปั๊มเถื่อนเป็นที่พึ่ง แกลลอนละ ๓๕๐ จั๊ต..! |
2 Attachment(s)
วัดอูซินะ (ท่านชนะ) หรือวัดป่าวินเส่ง อยู่ห่างจากตัวเมืองมุด่งนิดเดียว เจอท่านโกวินทะอยู่บนรถสองแถว กำลังจะกลับไปเยี่ยมบ้าน ท่านป๊อปควักแบ๊งค์ย่อยปึกหนึ่ง ประมาณ ๓๐๐ จั๊ต ส่งให้ท่านเป็นค่ารถ เลยถูกทิดจิตรแซวว่า “เศรษฐีเมืองไทยมาแล้ว..”
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306879375 ประตูทางเข้าวัดป่าวินเส่ง เป็นนกยางคู่ขนาดมหึมา จากซุ้มประตูนกยางคู่มหึมา เข้าไปทางด้านซ้ายเป็นรูปปั้นพระอสีติมหาสาวก (พระอรหันต์ ๘๐ องค์) เป็นแถวยาวเหยียด ยังมีสถูปเจดีย์ รูปปั้นอีกมากมายเต็มไปหมด องค์พระนอนยาว ๕๐๐ ศอก นอนอยู่บนเนินเขาด้านซ้าย ทำไปได้มากกว่าปีก่อนตั้งเยอะ... พรุ่งนี้จะเป็นงานวันเกิดของหลวงพ่ออูซินะ ผู้คนมาทำบุญขวักไขว่ไปหมด สองข้างทางเป็นร้านขายของแน่นขนัด ทหารกันไม่ให้รถเข้าข้างใน แต่คันของเราเส้นใหญ่มีพระนั่งอยู่ เขาจึงปล่อยให้เข้าไปได้... http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306879375 พระนอนความยาว ๕๐๐ ศอก (๒๕๐ เมตร) ประกาศความเป็นพระโพธิสัตว์ของหลวงปู่อูซินะอย่างชัดแจ้ง หลวงพ่ออูซินะนั่งรับแขกอยู่บริเวณเศียรพระนอน คนขึ้นไปทำบุญเป็นแถว นี่ก็พระโพธิสัตว์ขนานแท้ ถ้าไม่ได้กำลังใจเข้มแข็งของพระโพธิสัตว์ รับรองว่าไม่สามารถสู้งานสู้คนได้ขนาดนี้ ทางด้านนอกคนยังทยอยกันมาไม่ขาดสาย... |
2 Attachment(s)
คณะของเราไม่ต้องการเบียดกับใคร จึงขึ้นไปกราบพระและหยอดตู้ร่วมทำบุญในศาลาการเปรียญ ซึ่งมีเนตรพระนอนตั้งโชว์ไว้ให้ร่วมทำบุญ แต่ละดวงยาวเป็นวา..! ขอให้ลูกทั้งหลายมีดวงตาเห็นธรรมในชาติปัจจุบันนี้เถิด...
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306918960 ดวงเนตรพระนอน ๕๐๐ ศอก ใหญ่ขนาดไหนลองเทียบกับคนก็แล้วกัน..! ออกจากเมืองมุด่ง ผ่านเมืองตันบวยเซียท ตรงไปเมืองไจ๊คะมี รถสามล้อพ่วงข้างวิ่งออกมาจากซอยอย่างเร็วจี๋ มาเจอรถของเรากระชั้นชิด มันเบรกจนผู้โดยสารหัวคะมำหล่นลงมากลางถนนเลย..! เลยไปอีกหน่อยยางอะไหล่รถหกล้อคันหน้าหล่นโครมลงมา ดีที่ไม่ได้ขับตามแบบใกล้ชิด ไม่อย่างนั้นคงได้สวดและชักบังสุกุลกันตรงนั้นแหละ หลุดมาถึงวัดไจ๊คะมีโดยสวัสดิภาพ เฮ้อ..รอดมาได้อย่างไรก็ไม่รู้ซิ..! http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1306918960 พระพุทธรูปวัดไจ๊คะมี เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ๑ ใน ๔ องค์ ที่ลอยน้ำมาจากลังกา วัดไจ๊คะมีเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ ที่ลอยน้ำมาจากลังกา ๑ ใน ๔ องค์ของทั้งหมด พระอุโบสถกลางทะเลนั้น พื้นโบสถ์ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล แต่น่าอัศจรรย์ที่น้ำไม่เคยท่วม และโบสถ์ทั้งหลังมีเสาแค่ ๗ ต้นเท่านั้น... |
2 Attachment(s)
กราบบูชาและทำบุญกันแล้ว ออกมาหาซื้อรูปเป็นที่ระลึก มันไม่ได้อย่างใจ อาตมาเลยปีนลงข้างโบสถ์ เดินไปตามโขดหินกลางทะเลเพื่อถ่ายรูปเอง ปลาตีนกระโดดหนีกันปรูดปราด หินก็มีแต่เพรียงคมเหมือนมีดโกน อยากได้รูปสวยมันก็ต้องลงทุนกันบ้าง...
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1307308709 รูปที่อุตส่าห์ลงทุนปีนลงทะเลไปถ่ายเอง กลับขึ้นมาฉันน้ำตรงลานจอดรถ จ่ายไป ๒๕๐ จั๊ต นายหม่องฉวยแบ๊งค์สิบใหม่เอี่ยมทั้ง ๒๕ ใบของอาตมาไป เอาแบ๊งค์ห้าสิบเหี่ยว ๆ ของตัวเองให้แม่ค้าแทน ทิดจิตรคนเดียวไม่ยอมกินน้ำอะไร บอกว่าจะรอไปกินน้ำมะพร้าวที่ชายหาดแซ็ตแซเลยทีเดียว โบราณว่า “อย่าหวังน้ำ บ่อหน้า” ถ้าเขาไม่มีมะพร้าวขายแล้วจะรู้สึก..! บ่ายมากแล้วจึงต้องรีบทำเวลา หลังจากเฉี่ยวเกวียนกับจักรยานไปอย่างละคัน ก็มาถึงชายหาดตอน ๑๖.๓๐ น. ไม่มีใครยอมลงเล่นน้ำทะเล นอกจากท่านป๊อปที่ดันไปอาบน้ำจืดแทน อาตมาสอนทิดจิตรให้เลือกมะพร้าวอ่อน อดีตนักกินมะพร้าวมืออาชีพมาเองอย่างนี้รับรองไม่ผิดหวัง... http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1307308709 สุสานทหารฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่เมืองตันบวยเซียท ขากลับแวะถ่ายรูปที่สุสานทหารตันบวยเซียท จากนั้นรูดยาวมาบ้านกำมะแว็ด เข้าวัดดั๊ดดอป็องชก (รวมพระธาตุ) ที่เขาสรรหาพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุพระอรหันต์ มาบรรจุในภาชนะสวยงาม และประดับไฟสารพัดสีถวายบูชาไว้จนละลานตา... |
1 Attachment(s)
หยอดตู้ทำบุญตามกำลังศรัทธา ท่านป๊อปกับท่านตู่ซื้อรูปเป็นที่ระลึก บอกให้เพลา ๆ ไว้บ้างก็ไม่ฟัง “พบไม้งามเมื่อยามขวานบิ่น” แล้วจะซาบซึ้ง ถ้ามาขอยืมเงิน พ่อจะคิดค่าธรรมเนียมให้หนัก ไปไหนทำตัวเป็นลูกเศรษฐีมันต้องเล่นให้เข็ด..!
วัดพุทธวัง (บุดดาวิน) ปล่อยเรารอกันจนหมดอารมณ์ ลุกกลับกันแล้วจึงรีบมาเปิดศาลาให้ ทั้งศาลามีแต่พระธาตุเช่นกัน การประดับไฟและภาชนะบรรจุสวยสู้วัดรวมพระธาตุไม่ได้ แต่จำนวนพระธาตุมีมากกว่า ทำบุญเสร็จฟ้ามืดสนิทพอดี... http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1307957809 เกวียนนับสิบนับร้อยเล่มพากันกลับบ้าน ทำให้รถของเราไปได้ช้ามาก หลบไปหลบมาจนไปชนหมาและไก่เข้า ดีที่มันไม่ถึงตาย มาถึงวัดเจ้าไว จัดการสรงน้ำ - ซักผ้าเป็นการใหญ่...พระประธานหินอ่อนวัดพุทธวัง ยังไม่มีข่าวคราวจากโซยุนท์ อาตมาให้ท่านนาวินไปติดต่อรถเจ้าใหม่ รายนี้เคยไปกับท่านชาเมื่อสองปีก่อน ขอค่ารถ ๖๕,๐๐๐ จั๊ต อาตมาต่อรองเหลือ ๖๐,๐๐๐ จั๊ต เขาขอตัดสินใจดูก่อน..! |
1 Attachment(s)
กลับมาทำธุระส่วนตัวกันต่อ กำลังเพลิน ๆ โซยุนท์ก็โผล่มายิ้ม เห็นแต่ฟันขาวจั๊วะ พอรู้ว่ารายโน้นกำลังตัดสินใจ ทั้งที่พี่ท่านบอกไว้ว่าขอค่ารถวันละ ๕,๐๐๐ จั๊ต เติมน้ำมันและค่าอาหารต่างหาก แกรีบลดเหลือ ๒๐ วัน ๖๐,๐๐๐ จั๊ตทันที..!
ตกลงกันเรียบร้อยแกขอเวลาซ่อมแซมรถ ๑ วัน มะรืนค่อยไปกัน แถมรับไปบอกเจ้าโน้นด้วยว่าเราได้รถแล้ว เลยใช้ซ้ำด้วยการให้ไปบอกหม่องหม่องว่า พรุ่งนี้ช่วยวิ่งรถให้อีกวัน อยู่เฉยนาน ๆ เดี๋ยวรากมันงอก..! http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1307958126 ตอนสำรวมสุด ๆ ของท่านสองแสบที่วัดดั๊ดดอป็องชก (รวมพระธาตุ) ยอดโชเฟอร์กลับไปครู่หนึ่ง ทิดจิตรกับมิโชก็มาบอกว่า มีคนอื่นเรียกรถของหม่องหม่องไว้แล้ว ปรึกษาหารือกันพักใหญ่ก็ตกลงกันได้ว่า แบ่งให้ฝ่ายละครึ่งวัน..! ตอนเช้าให้ทางฝ่ายโน้น เที่ยงตรงจะมารับฝ่ายของเรา พี่เขยทิดจิตรที่เลี้ยงกาแฟเมื่อเช้า โทรมาขอตามคณะของเราไปไหว้พระด้วย จะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ ตกลงให้แกตามไปได้คนเดียว... ท่านป๊อปกับท่านตู่เห็นอาตมากับท่านชาต่างก็มีสมุดบันทึกคนละเล่ม แทนที่จะฝากทิดจิตรซื้อ ดันผ่าออกไปซื้อกันเอง ถ้าทหารมันผิดสังเกต ลากคอไปเข้าคุกละก็ พ่อจะปล่อยให้ติดคุกขี้ไก่ไปตามลำพังให้สมใจนึกไปเลย..! คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:17 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.