![]() |
ล่องแก่งมหาภัย ตอนที่ ๙
1 Attachment(s)
อากาศหลังฝนเย็นไม่น้อย อาตมาขดตัวจนเมื่อยจึงยืดเท้าออก แต่ยืดไปได้นิดเดียวไม่รู้ไปติดอยู่กับหัวของใคร ต้องหดกลับเข้ามาอย่างเดิม ยุงเยอะทีเดียว ทั้งที่นอนกันแน่น มันยังพยายามจะกัดทะลุโปงจีวรเพื่อกินเลือดอาตมาให้ได้
ภาวนาจับอานาปานุสติเอากำไรไปเรื่อย ๆ นิมิตเห็นลูกทราย (เด็กหญิงเนตรทราย พันหา) ร้องไห้มาหา ยายหนูคงคิดถึงหลวงพ่อขนาดหนัก รับปากไว้ว่าปิดเทอมจะพาไปเที่ยว แต่หลวงพ่อมาติดธุระอยู่เมืองพม่า ไม่รู้ว่ากลับไปถึงจะเปิดเทอมหรือยัง ถ้าเปิดเทอมแล้วก็ต้องรอปิดเทอมใหญ่โน่นแหละลูก... http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1294861956 ลูกทราย (เด็กหญิงเนตรทราย พันหา) นึกถึงตอนที่แม่เขาอุ้มมาถวาย ตัวเล็กนิดเดียวผอมกะหร่อง เพิ่งรู้สึกว่ารับไว้เป็นลูกเวลาก็ผ่านไปเจ็ดแปดปี วันเวลาเหมือนกับสายน้ำไหล ล่วงเลยไปแล้วไม่หวนกลับมาอีก ฝากไว้เพียงรอยอดีตที่เลือนลับ นับวันจะจางไปทุกที ธรรมดาของโลกเป็นเช่นนี้เองหนอ... ลุกขึ้นไปล้างหน้า แพมันแคบเกินไปสำหรับคนมากอย่างนี้ ทุกคนจึงพากันตื่นจนหมด ท่านทนงศักดิ์บอกว่าเณรเป็นไข้ อาตมาค้นเอายาที่มีติดตัวเป็นประจำส่งให้ กำชับว่าให้ฉันหลังอาหาร สาว ๆ ที่มาเรือลำเดียวกันนั่งพอกแป้งแข่งกัน ไม่ได้อาบน้ำมาสองวันแบบนี้ โปะเข้าไปจะกลบกลิ่นไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้..? |
1 Attachment(s)
ฉันเช้าเสร็จนายท้ายก็เร่งออกเรือ ญาติโยมกินกันแต่น้ำชากาแฟ คณะล่องแก่งมหาภัยฝ่าแก่งอันตรายจนน้ำเข้าเรือเปียกโชกไปทั้งลำ ต้องนั่งยอง ๆ ช่วยกันวิดน้ำ อาตมาที่พับจีวรเก็บไปแล้ว ยังโดนคลื่นซัดย่ามเปียกไปครึ่งใบ นึกซะว่าอาบน้ำทดแทนกับที่ไม่ได้อาบก็แล้วกัน...
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1294864727 ขนกันมาเพียบขนาดนี้ ไม่ยักเรือล่มตายกันบ้าง..! เสียงใบพัดเรือกระทบหินใต้น้ำดังกราว..! นายท้ายยกหางเรือพ้นน้ำ ใบพัดสามแฉกเหลือแค่สองแฉกเท่านั้น หักสะบั้นไปแฉกหนึ่งแล้ว ยังพอฝืนไปได้ แต่ก็วิ่งไม่ค่อยออก ยิ่งตอนทวนน้ำเชี่ยว ๆ ทำท่าจะถอยหลังเอาซะหลายหน ต้องช่วยกันขย่มถ่วงให้เรือไหลช้าลง จึงผ่านไปได้อย่างน่าหวาดเสียว... |
1 Attachment(s)
แปดโมงเช้ามาถึงด่านตรวจของทหารกะเหรี่ยง เรือเข้าเทียบเพื่อเปลี่ยนใบพัด หลายคนฉวยโอกาสกินข้าวเช้า เรือลำอื่นที่ตามหลังมาทันกันตรงนี้เอง เมื่อเปลี่ยนใบจักรเรียบร้อยก็ออกตัวตามกันไปทั้งขบวน บางคนที่สั่งข้าวห่อมา จัดการกินกันบนเรือนี่แหละ...
เกือบเก้าโมงเช้ามาถึงแก่งใหญ่ เรือที่กำลังพุ่งข้ามแก่งดับเอาดื้อ ๆ อีกหน บรรลัยละงานนี้..! มันเป็นแก่งโล่ง ๆ ไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยวได้เลย ทุกคนต้องลุกขึ้นขย่มเรือพร้อม ๆ กันเป็นจังหวะ เพื่อชลอความเร็วให้ช้าลง ยังดีที่ไม่เกยหินพลิกคว่ำ เลยแก่งไปถึงท้ายน้ำจึงคว้าต้นไม้เอาไว้ได้... http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1294864903 แก่งโล่ง ๆ แบบนี้จะให้ยึดอะไรดีละพ่อคุณแม่คุณเอ๋ย..! น้ำมันหมด..! พ่อคุณแม่คุณเอ๋ย..! มันไม่รู้จักเอาบทเรียนที่พบมาปรับปรุงกันซะบ้างเลย อีแบบนี้ถึงตายไปก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเองที่อยากมากับมัน เติมน้ำมันแล้วทวนแก่งขึ้นไปใหม่ ช่วงต่อจากนี้น้ำตื้นลงทุกขณะ บางตอนเรือวิ่งเสียดสีกับทรายใต้น้ำ แต่ก็ยังพอไปได้ ไม่น่าเชื่อว่าแค่อาทิตย์เดียว น้ำจะลดได้ขนาดนี้... รับคนขึ้นมาอีกสามคน จะไปชองโส่งเช่นกัน เรือหนักขึ้นคราวนี้ต้องลงช่วยกันเข็นผ่านที่ตื้น พ้นแล้วค่อยไปต่อได้ บางช่วงตื้นจัดต้องให้คนลงหมดยกเว้นอาตมา เขาพากันเดินลัดไปบนบก ส่วนเรือเปล่าพาอาตมาวิ่งทวนน้ำขึ้นไปรอรับข้างหน้า บางคนขี้เกียจลัดป่าก็เดินลุยน้ำไปเลย ยอมเปียกนิดหน่อยดีกว่าบุกป่าตั้งไกล... |
1 Attachment(s)
ที่น้ำตื้นบางช่วงก็สั้น บางช่วงก็ยาว อาตมานั่งสบายอยู่คนเดียว เดี๋ยว ๆ ก็ลงเดินกันที ทุกลำที่ตามกันมามีสภาพเหมือนกันหมด ดูทั้งผู้หญิงทั้งคนแก่แล้ว อดชื่นชมพวกเขาไม่ได้ ช่างทรหดอดทนกันชนิดสุดใจขาดดิ้น บ้านเราลำบากนิดก็ไม่ไปแล้ว...
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1294864566 น้ำตื้นมากไปต่อไม่ได้ ก็ต้องช่วยกันเข็นเรือไป สิบโมงเช้าแดดจัดจ้าขับไล่หมอกและความหนาวเย็นไปจนสิ้น เครื่องเรือสำลักพรืด ๆ แต่ยังไปต่อได้ หยุดรับผู้โดยสารอีกหนึ่งคนก็ได้เวลาเพลพอดี แวะเข้าไปยังหมู่เรือนแพหาอาหารรองท้อง นายยาวกับนายทองช่วยจ่ายค่าอาหารให้ ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ... |
1 Attachment(s)
หลังเพลเรือทุกลำวิ่งตามกันไป ผ่านแก่งใหญ่สามแก่งรวด ต้องลงเดินกันแทบทุกแก่ง ขามาเราตามน้ำเรือพุ่งผ่านไปได้ ขากลับทวนน้ำ พอท้องเรือติดทรายก็เสร็จ ต้องเดินบ้างช่วยกันเข็นบ้าง งูคอแดงตัวหนึ่งว่ายน้ำตรงรี่เข้ามา พอเจอคนจำนวนมากก็ดำน้ำหายไปเลย...
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1294838235 งูคอแดงหรืองูลายสาบคอแดง ยังไม่มีเซรุ่มแก้พิษของงูชนิดนี้ได้..! หมู่หินใต้น้ำโผล่กันสลอน อีกไม่เกินสิบวันเรือคงต้องเลิกวิ่ง เพราะตื้นเกินกว่าจะไปกันได้ ถึงตอนนั้นก็คงต้องรอจนกว่าดินจะแห้งพอที่รถจะวิ่งได้ การคมนาคมจึงจะเริ่มต้นกันอีกครั้งหนึ่ง เรือผ่านโค้งมรณะ เห็นท่อนซุงและตอไม้ใต้น้ำโผล่เต็มไปหมด น้ำลดแบบนี้เห็นแล้วหวาดเสียวดีเป็นบ้า..! พ้นโค้งเห็นตอม่อสะพานรถไฟสายมรณะตระหง่านอยู่ เรือลำของเราน้ำมันหมดต้องเติมอีกครั้ง ลำหลังแซงขึ้นมา ท่านทนงศักดิ์เปียกโชกไปทั้งตัว เป็นไงคุณ...เขาไม่ให้สรงน้ำเลยโดดมันเองหรือไง..? ผมร้อนมากเลยโดดน้ำให้เย็นต่างหากละครับ... ท่านว่าแก้เขินที่ดันตกน้ำอยู่คนเดียว... |
1 Attachment(s)
บ่ายโมงเศษมาถึงด่านมอญ ผู้โดยสารลงเดินกันหมด เหลือบนเรือรวมอาตมาด้วยแค่สี่คน จ่ายค่าผ่านทางแล้วนายท้ายพามาส่งที่ท่าเทียบเรือชองโส่ง อาตมาคว้าย่ามสะพายบ่า บอกนายท้ายว่าขอเงินคืนหมื่นหนึ่ง เอาคนมาขนาดนี้จ่ายให้สามพันถือว่ามากสุดขีดแล้ว..!
นายท้ายแกตีหน้าพิกล บอกอ้อมแอ้มว่าทำไมไม่บอกก่อนถึงด่านมอญ เงินให้ไว้กับเมียหมด และเมียเขาขึ้นที่ด่านมอญไปแล้ว อ้าว..ไอ้เวลล์...ตอนแรกเอ็งไม่บอกว่าเมียมาด้วย แบบนี้มันเล่นแง่นี่หว่า อาตมามองไปที่ป้อมยาม เห็นทหารยืนอยู่สองนาย คว้ามือมันบอกว่าไปคุยกันต่อหน้าทหารโน่น..! http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1294864259 นายท้ายบอกว่าเมียมันหอบเงินขึ้นจากเรือตั้งแต่ด่านมอญนี้แล้ว..! นายท้ายตัวดีหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ยกมือไหว้ขอโทษขอโพย บอกว่าอย่างไรก็ไม่มีให้จริง ๆ เพราะเมียเขาเอาไปหมดแล้ว ไอ้เจ้านี่ต้องให้โล่สามีดีเด่น..! จนมันสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า มาคราวหน้ามันจะให้นั่งเรือฟรี ๆ อาตมาจึงยอมเลิกรากันไป... ความจริงอาตมาไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำอะไรหรอก ที่แกล้งเขี้ยวกับเขาเพื่อเป็นการตัดไม้ข่มนามเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นมันจะเห็นคนไทยเป็นหมูสยามอยู่ร่ำไป กำชับมันว่าสัญญาอะไรไว้จำให้แม่นนะ ไม่อย่างนั้นพ่อจะเอาทหารตามทวงถึงบ้านเลยซิเอ้า..! |
1 Attachment(s)
สองแถวและมอเตอร์ไซค์ แย่งกันมาหาผู้โดยสารไปส่งที่ด่านเจดีย์สามองค์ รถสองแถวเก็บคนละสามสิบบาท มอเตอร์ไซค์คิดห้าสิบบาท เพื่อความคล่องตัวอาตมาจึงโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ วิ่งฝุ่นตลบผ่านด่านไปแบบง่าย ๆ เพราะพวกเขาวิ่งกันวันละเป็นสิบ ๆ เที่ยว เจ้าหน้าที่ขี้เกียจตรวจบ่อย ๆ...
จ่ายค่ารถเมื่อข้ามมาขึ้นฝั่งไทย โทรไปหาทิดจิตร (จิตติพัฒน์ เอี่ยมโอด) โทรศัพท์ดันไม่ติด เลยต้องมารบกวนตำรวจโบกรถให้ คุณจ่าแกฉลาดเป็นกรด โบกเรียกรถเฟอร์นิเจอร์ให้ ซึ่งพวกเขาวิ่งสินค้าหนีภาษีจนไม่กล้าปฏิเสธตำรวจอยู่แล้ว อย่าว่าแค่ส่งพระรูปหนึ่งเลย มากกว่านี้เขาก็ยอม... http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1295036650 ทิดจิตรไปรอรับอยู่ที่วัดตองไวนี้ แต่พระอาจารย์กลับไปนอนที่เกาะพระฤๅษีแล้ว..! รถเฟอร์นิเจอร์อัดลมเข้ายางเส้นละตั้งหนึ่งร้อยปอนด์..! เวลาเข้าโค้งแต่ละทีจึงกระโดดเป็นม้าเลย โชเฟอร์ใจดีส่งถึงหน้าบ้านทิดจิตรที่ทองผาภูมิ แม่ของทิดจิตรเจอหน้าเข้าร้องลั่น ตายแล้วท่านอาจารย์ ทิดจิตรมันไปรอท่านอาจารย์ที่วัดตองไวโน่น... จบเห่กันไอ้โทรศัพท์เฮงซวย..! สุดท้ายลากตัวเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจากวงเหล้า ให้ไปส่งอาตมาที่นิคมสหกรณ์ทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่เขาขับรถเร็วแบบนี้จนชิน หรือว่าจะรีบกลับไปเข้าวงก๊งต่อก็ไม่รู้ แต่มันทันใจดีแท้ ลงที่ปากซอยแล้วอาตมาโดดเกาะมอเตอร์ไซค์อีกต่อหนึ่ง ไปถึงเกาะพระฤๅษีทันทำวัตรเย็นพอดีเลย... ๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ ปล. รอท่านทนงศักดิ์อยู่เกือบครึ่งปี ไม่เห็นมารับสมุดสักที จึงถวายให้วัดท่าขนุนไปทั้งหมด ๕ เมษายน ๒๕๔๒ พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:36 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.