กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันพุธที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1887)

เถรี 02-06-2010 09:44

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันพุธที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓
 
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบาย ตั้งตัวให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออกให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา หายใจเข้าพร้อมกับลมหายใจและคำภาวนา หายใจออกพร้อมกับลมหายใจและคำภาวนา

วันนี้เป็นวันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นวันฉัตรมงคล และเป็นวโรกาสที่เป็นมหามงคลอย่างยิ่ง เนื่องจากว่าเป็นวันคล้ายวันบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปีที่ ๖๐

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ครองราชย์มา ๖๐ ปีเศษ แต่พระองค์ท่านทำพิธีบรมราชาภิเษก คือ ขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการได้ ๖๐ ปีถ้วน จะขึ้นปีที่ ๖๑ และวันที่ ๒๘ เมษายนที่ผ่านมาก็เป็นวโรกาสพิเศษ คือ เป็นวันราชาภิเษกสมรส ครบ ๖๐ ปีเช่นกัน

ดังนั้น..วันนี้จึงเป็นวันที่มีความพิเศษ โดยเฉพาะว่าร้อนเป็นพิเศษ เนื่องจากสภาพของเครื่องปรับอากาศทำงานไม่ได้อย่างใจ ขอให้ทุกคนเข้าใจว่า การทำความดีทุกอย่างนั้น จะต้องมีสิ่งที่มาขวางเราเป็นปกติ ซึ่งภาษาบาลีเรียกว่า มาร

มารนั้นจะใช้คนทุกคน ของทุกชิ้น และสัตว์ทุกตัว ในการขัดขวางไม่ให้เราทำความดี แม้กระทั่งเครื่องปรับอากาศที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่ ๆ ก็ทำความเย็นไม่ได้อย่างที่เราต้องการ ถ้าเราหงุดหงิดกลุ้มใจรำคาญ ทนไม่ไหว เลิกการปฏิบัติไป ก็เท่ากับว่าเขาขวางเราได้สำเร็จ แต่ถ้าหากเรารู้เท่าทัน ไม่ใส่ใจ ตั้งหน้าปฏิบัติตามที่ตนเองต้องการ เขาก็ไม่สามารถที่จะขวางความดีของเราได้

มารนั้นมีตัวตนจริง ๆ เพียงแต่ว่าเราจะสามารถรู้เห็นหรือเข้าใจเขาหรือไม่เท่านั้นเอง มารนั้นมีอยู่ ๕ ประเภทด้วยกัน

ประเภทที่ ๑ เรียกว่า กิเลสมาร ก็คือ ความชั่วที่ฝังรากลึกอยู่ในใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลงก็ตาม สามารถแตกแขนงออกเป็นเสนามาร จำนวนเป็นหมื่นเป็นแสน เป็นล้าน เพื่อที่จะมาดึงมารั้งไม่ให้เราหลุดพ้น จัดว่าเป็นตัวที่มีความสำคัญที่สุด เพราะว่ามันแทรกมันสิงอยู่ภายใน กำจัดได้ยากอย่างยิ่ง จนกว่าจะรู้เท่าทัน ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ให้ความใส่ใจ พอไม่สามารถที่จะก่อกวนเราให้ขุ่นได้ ก็จะเลิกราไปเอง

เถรี 03-06-2010 10:46

ประเภทที่ ๒ เรียกว่า ขันธมาร ก็คือ ร่างกายของเราที่เป็นมาร บางท่านที่ไปเที่ยวไปกินไปเล่น ร่างกายจะแข็งแรงมาก อดหลับอดนอนเที่ยวเตร่ได้สามวันเจ็ดวันติดต่อกัน แต่ถ้ามาทำความดี เดี๋ยวก็เจ็บนั่นป่วยนี่ เป็นได้หัวไม่วางหางไม่เว้น จนกระทั่งหลายท่านเข้าใจผิดไปเลยว่า เพราะทำความดีจึงเป็นอย่างนี้ แล้วก็ไม่ยอมทำความดีอีก ถ้าเป็นดังนั้นก็แปลว่า เขาขวางท่านไว้ได้ สมดังใจของเขา

ประเภทที่ ๓ เรียกว่า อภิสังขารมาร ก็คือ กำลังใจของเราที่โดนหนุนด้วยกรรมที่สร้างมา ทำให้นึกคิดปรุงแต่งไป ไม่ว่าต้องการในด้านที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม ล้วนแล้วแต่สร้างความฟุ้งซ่านแก่จิต จิตไม่สามารถจะรวมตัวมั่นคงเป็นหนึ่งเดียวได้ ก็มีกำลังไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับเขาทั้งหลายเหล่านั้น

ประเภทที่ ๔ เรียกว่า เทวปุตตมาร เป็นมารที่อยู่ในลักษณะของเทพบุตร เทพธิดา หรือแม้กระทั่งครูบาอาจารย์ที่มาทดสอบกำลังใจของเรา ถ้าหากว่ารู้เท่าทัน ก้าวพ้นไปได้ เขาก็จะเป็นครูที่ดีอย่างยิ่ง แต่ถ้ารู้ไม่เท่าทัน ก้าวไม่พ้น เขาก็จะเป็นมาร คือผู้ขวาง หรือผู้ฆ่าเราเสียจากความดีนั่นเอง

ประเภทที่ ๕ เรียกว่า มัจจุมาร คือความตาย บางท่านกำลังใจเข้มแข็งมาก เด็ดขาดมาก ถ้าหากปฏิบัติแล้วต้องได้ดีอย่างแน่นอน ในเมื่อเขาไม่สามารถขวางได้ด้วยวิธีอื่น ก็จะดึงเอาวาระกรรมที่เหมาะสม อย่างเช่นในอดีตเราเคยฆ่าคน หรือฆ่าสัตว์ใหญ่เอาไว้ เขาจะฉวยจังหวะที่กรรมนั้นมาสนอง ทำให้เราถึงแก่ความตายไปเลย จึงได้เรียกว่ามัจจุมาร คือ ความตายมาขวาง หรือมาฆ่าเราจากความดี

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้นักปฏิบัติจะต้องพบเป็นปกติ บางทีรู้ไม่เท่าทันก็เสียท่า เพราะว่าเผลอไปโกรธ ไปหงุดหงิด ไปกลัดกลุ้ม ไปคล้อยตาม ทำให้เขาขวางเราได้สำเร็จ

สิ่งที่มารใช้เป็นเครื่องมือนั้น นอกจากจะเป็นคนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัวดังกล่าวมาแล้ว ยังอาศัยกำลังใจที่เป็นอิฏฐารมณ์ คือในส่วนที่พอใจ และอนิฏฐารมณ์ คือ ส่วนที่ไม่ชอบใจ ทั้งสองอย่างนี้เป็นเครื่องมือ เพื่อที่จะขัดขวางเราไม่ให้เข้าถึงความดีดังที่ต้องการ

โดยเฉพาะบางท่านพอเริ่มทำความดี ก็จะถูกดลจิตดลใจให้ปรามาสพระรัตนตรัยเป็นปกติ ทำให้เข้าถึงความดีไม่ได้ เพราะการปรามาสพระรัตนตรัยด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจก็ตาม เป็นเครื่องขวางไม่ให้เราก้าวเข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้าได้

เนื่องจากกติกาของความเป็นพระอริยเจ้าข้อแรก คือ การเคารพพระพุทธเจ้า เคารพพระธรรม และเคารพพระสงฆ์ด้วยความจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจตนเอง

เถรี 03-06-2010 13:34

หลายท่านรู้สึกหนักใจ ขณะเดียวกันหลายท่านก็แก้ไม่ตกในส่วนของการปรามาสพระรัตนตรัย ก็ขอให้ทุกท่านทราบว่า ถ้าสติสัมปชัญญะของเราสมบูรณ์บริบูรณ์ การกระทำที่น่าเกลียดน่าชังทั้งหลายเหล่านั้น เราย่อมไม่ทำอยู่แล้ว แต่นี่เราโดนดลใจด้วยกำลังของกิเลส ด้วยกำลังของมาร ก็ให้เราตั้งหน้าตั้งตากราบขอขมาพระรัตนตรัย

ทุกครั้งที่เราจะทำความดี ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ การภาวนา ให้ขอขมาพระรัตนตรัยเสียก่อน
เพื่อที่เราจะได้ถอนจิตของตนออกมาว่า ในความไม่ดีทั้งหลายนั้นที่เราได้ทำไป เราได้กราบขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว

ถ้าเราหมั่นทำบ่อย ๆ ดังนี้ โดยไม่ไปเศร้าหมอง ไม่ไปหยุดอยู่ มารก็ไม่สามารถจะขวางเราได้ แต่ถ้าเราปรามาสพระรัตนตรัยแล้ว มัวแต่เศร้าหมองอยู่ ไม่กล้าทำความดีต่อ ถ้าเป็นดังนั้นเขาก็จะขวางเราได้สำเร็จ เป็นต้น

มารไม่ชอบบุคคลที่รู้เท่าทัน ถ้ารู้เท่าทันมารก็จะถอยหลังไป ไม่สามารถที่จะมาขัดขวางเราได้อีก ดังนั้น..วันนี้แม้ว่าสภาพอากาศและสถานที่ไม่อำนวย แต่ว่าพวกเราก็ยังตั้งใจที่จะเจริญกรรมฐานร่วมกัน ถือว่าในขั้นต้นนั้น กำลังใจของพวกเราใช้ได้แล้ว

แต่ว่าความที่เผลอไปหงุดหงิด เนื่องจากว่าร้อนบ้าง เบียดเสียดกันบ้าง ทั้งหลายเหล่านี้ให้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เรารู้ไม่เท่าทันย่อมเกิดอารมณ์ขึ้นได้บ้าง แต่เมื่อรู้แล้ว ก็ให้รีบระงับเสีย

วิธีที่ระงับที่ดีที่สุด ก็คือ การอยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา และโดยเฉพาะในสภาพอากาศเช่นนี้ ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงเช่นนี้ เป็นโอกาสที่เราจะฝึกกำลังใจที่ดีที่สุด ว่ามีความอดทนอดกลั้นเพียงใด สิ่งที่เราฝึกหัดมาตั้งแต่ต้น สามารถใช้งานจริงได้เท่าไร

สำหรับช่วงนี้ก็ให้ทุกท่านกำหนดความรู้สึกอยู่กับลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ถ้ายังมีลมหายใจหรือมีคำภาวนาอยู่ ก็ให้กำหนดลมหายใจและคำภาวนาไป ถ้าไม่มีลมหายใจหรือไม่มีคำภาวนา ก็ให้กำหนดรู้ว่า ไม่มีลมหายใจ ไม่มีคำภาวนา ขอให้ทำดังนี้ไปเรื่อย ๆ ประคับประคองรักษาอารมณ์ไว้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกหมดเวลา


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันพุธที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:20


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว