กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   จะรู้ได้อย่างไร ว่าพระองค์ไหนเป็นพระดี ? (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1638)

เถรี 01-03-2010 10:36

จะรู้ได้อย่างไร ว่าพระองค์ไหนเป็นพระดี ?
 
เรื่องของพระหลายต่อหลายรูป ความจริงท่านควรที่จะอายุยืนมากกว่านั้น อย่างหลวงปู่ธรรมชัย เป็นต้น แต่ที่ท่านมรณภาพก่อนอายุขัย เพราะว่าร่างกายท่านไม่ไหว อย่างหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็ไม่ไหว ใช้งานหนักจนเกินไป

ถาม : ถ้าเราอาราธนาให้ท่านใช้อิทธิบาท ๔ เพื่ออยู่ต่อ ?
ตอบ : ถ้าหากใช้วิธีนั้นก็อยู่ต่อได้ แต่คนที่นอนอยู่บนกองทุกข์ มีใครอยากจะอยู่ต่อไหม ?

ถาม : แล้วถ้าเราอยากให้ท่านอยู่เป็นมิ่งขวัญต่อไป ?
ตอบ : นั่นเป็นความอยากของเรา

ถาม : ถ้าท่านไป ประเทศไทยก็ไม่มีพระดีเหลืออยู่ ประเทศเราก็อยู่ได้ไม่นาน ?
ตอบ : จะแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ? หาพระดี ๆ ไม่ได้จริง ๆ เลยหรือ ?

ถาม : หายากมากครับ ?
ตอบ : เอาเป็นว่า เรานิมนต์ท่านได้ ส่วนท่านจะรับหรือไม่รับอยู่ที่ท่าน

ถาม : พระดีจะดูอย่างไร ? บางทีเราใส่บาตรข้างนอก เห็นว่าท่านดูดี แต่พอเห็นในกุฏิท่าน สังฆทานเพียบเลย ?
ตอบ : ท่านอาจจะเก็บสังฆทานเอาไว้ช่วยคนอื่นก็ได้ โปรดสังเกตว่าสังฆทานเพียบ ถ้าคนไม่เห็นว่าท่านดี คงไม่ไปถวายท่านหรอก

ถาม : อีกอย่าง พระใกล้บ้านที่ปฏิบัติดีก็มี แต่พอท่านมรณภาพ เขาจึงรู้ว่าท่านดี เพราะร่างกายไม่เน่าเปื่อย เหมือนใกล้เกลือกินด่าง ?
ตอบ : หลวงพ่อท่านเคยบอกว่า "ถ้าเราไปตั้งคุณสมบัติว่า พระอรหันต์ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ แกเดินชนพระอรหันต์ตายไปเยอะแล้ว โดยที่ไม่ได้เจอพระอรหันต์เลย"

เพราะว่าท่านที่ทำถึงที่สุดแล้ว จะไม่ปิดบังกิริยาตัวเอง ในส่วนที่จะเป็นอาบัติหรือทำให้คนอื่นเขาเกิดโทษ ท่านจะไม่แตะต้อง แต่ถ้าจริยาเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นเล่นกับเด็ก ท่านเองจะไม่ปิดบังตัวเอง เพราะเหลือแต่กิริยาแล้ว มายาไม่มี ถ้าเราไปคิดว่าต้องนั่งเงียบ ๆ ยิ้มน้อย ๆ ไม่ต้องกระดุกกระดิกทั้งวัน นั่นตอไม้..ไม่ใช่พระ..!

ถาม : แล้วถ้าคิดว่าท่านเป็นพระอรหันต์คิดผิดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อ๋อ..คิดผิดแน่นอน

ถาม : แล้วถ้าไปบอกใครต่อใครว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ?
ตอบ : ยิ่งผิดไปใหญ่เลย เพราะว่าการพยากรณ์มรรคผลเป็นหน้าที่ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่ว่ามานอกจากจะผิดทั้งคำพูดแล้ว ยังผิดมารยาทด้วย ถ้าไม่ได้รับรองจากพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีท่านใดที่เชื่อมั่นว่าท่านเป็นพระอริยเจ้า แม้ว่าได้รับการรับรองแล้ว ก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็น กติกาของความเป็นพระอริยเจ้ามีเท่าไร ท่านก็พยายามปฏิบัติตามกติกานั้น ๆ ไปเรื่อย ๆ

ถาม : แล้วถ้าคนได้มโนมยิทธิขึ้นไปกราบทูลถาม พระพุทธเจ้าบอกว่าท่านใช่แน่นอนละครับ ?
ตอบ : มั่นใจได้อย่างไรว่าพระพุทธเจ้าที่คุณไปพบ ใช่องค์จริงหรือเปล่า ?

เถรี 01-03-2010 10:43

ถาม : ถ้าผมเห็นพระพุทธเจ้ามายืนตรงหน้า ชัดขนาดนั้น จะบอกว่าไม่เชื่อก็ยากจริง ๆ ?
ตอบ : ของอย่างนี้ต้องใช้คำว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ดูไปนาน ๆ ถ้าหากว่าเป็นการปั้นหน้าหลอกกัน..ก็ปั้นได้ไม่นานหรอก..เดี๋ยวหน้ากากก็หลุด แต่ถ้าหากว่าเป็นโดยธรรมชาติเลย ปีแล้วปีเล่าก็เป็นอย่างนั้นแหละ ไม่เปลี่ยนแปลงหรอก เพราะฉะนั้น..ค่อย ๆ ลองสังเกตดู จะพิสูจน์ได้

ถาม : แล้วเมื่อครู่ที่บอกว่าเหลือแต่กิริยา เราจะสังเกตได้อย่างไรเพื่อที่เราจะไม่ไปทำบาปโดยไม่รู้ตัว ?
ตอบ : ถ้าหากได้ทิพจักขุญาณ ให้ถามโดยตรงต่อพระพุทธเจ้าท่าน ถ้าไม่ได้ทิพจักขุญาณ เวลาไหนเวลาหนึ่งที่เราสร้างกำลังใจให้สงบได้ ให้ตั้งใจกราบท่านด้วยความเคารพในพระรัตนตรัยจริง ๆ

พระท่านปิดจริยาได้ กันทิพจักขุญาณได้ ท่านที่กำลังท่านสูงกว่า เราใช้ทิพจักขุญาณดูท่านไม่ได้ แต่มีอยู่ส่วนหนึ่งที่กันไม่ได้ ก็คือ ความดีของท่าน ต้องบอกว่ากระแสเย็นของท่านกันไม่ได้

ถ้าเราตั้งใจกราบท่านด้วยความเคารพในพระรัตนตรัยจริง ๆ จะรับกระแสตรงจุดนั้นได้เลย เพราะฉะนั้น..ถ้าอยากรู้ว่าท่านดีจริงหรือเปล่า ถ้าฝีมือไม่ถึงก็ให้ใช้วิธีนี้


ถาม : พี่ที่นั่งอยู่ใกล้พระอาจารย์ รู้สึกเย็นบ้างไหมคะ ?
ตอบ : เย็น..เพราะเปิดแอร์สองตัว..!

เรื่องแบบนี้ห้ามยืนยันนะ เพราะว่าเป็นความรู้ของเรา ในเมื่อเป็นความรู้ของเรา ไม่ใช่ความรู้ของพระพุทธเจ้า แม้เป็นความรู้ของพระพุทธเจ้าท่านก็สอนว่า มา สมโณ โน ครูติ อย่าเชื่อแม้สมณะนี้เป็นครูของเรา

ถาม : แต่คนเอาประโยคนี้ไปตีความผิดเยอะเลย ?
ตอบ : คือ ท่านไม่ให้เชื่อก่อน หลังจากที่ได้รับอะไรไปก็ไปปฏิบัติ ไปพิสูจน์ดู ถ้าเป็นไปตามนั้นแล้วค่อยเชื่อ แต่ส่วนใหญ่แล้วที่เอาไปตีความ ก็คือเขาไม่เชื่อเลยแม้แต่ครูสอน

ถาม : ตอนแรก ๆ เราก็พยายามฟังท่านไว้ก่อน แต่ในช่วงนั้นเราอาจจะปรามาสโดยไม่รู้ตัว ?
ตอบ : พยายามระมัดระวังไว้ก่อน เราต้องเผื่อเหนียวไว้ก่อนว่าท่านดี ฉะนั้น..กาย วาจา ใจ ที่ปฏิบัติต่อท่านต้องปฏิบัติให้ดีเอาไว้ก่อน

เถรี 01-03-2010 10:47

ถาม : พระสมัยก่อนที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนให้ดูใจคนอื่น นั่นแสดงว่าเราต้องได้มโนฯ ชัด แล้วถึงดูได้ ?
ตอบ : อาตมาแว่นแตกมาแล้ว ถ้าใครฟังเสียงพระองค์ที่ ๑๐ จะได้ยินชัดเลย ท่านว่า "ไอ้พวกแว่นตาดี เมื่อคืนแว่นแตกมาแล้ว" อาตมานั่นแหละ ดูไปแล้วดำปี๋เลย ก็ตีความไว้ต่ำสุด มารู้ทีหลังว่า คนที่ดูได้ จะดูได้เฉพาะท่านที่เสมอกันหรือต่ำกว่า สูงกว่าไม่ต้องไปดูเลย ถ้าท่านตั้งใจปิดก็มืดสนิทเลย

ไปนึกถึงท่านอาจารย์ปถัมภ์ เรียนเมฆ ท่านได้อภิญญาใหญ่ แล้วก็ได้ในลักษณะที่ภาวนากำหนดรูปกงจักร ไม่ได้กำหนดกสิณอะไรเลย คุณอย่าลืมว่าบรรดาพระโพธิสัตว์ท่านไม่ไปย่ำรอยคนอื่นหรอก

พอท่านได้ทิพจักขุญาณ ท่านก็พิสูจน์ได้ว่าพระรูปไหนดีบ้าง แล้วท่านก็จะไปทำบุญกับพระรูปนั้น แล้วก็โดนหลวงพ่อวัดท่าซุงแกล้ง ก็คือ ตอนแรกท่านทำหนังสือมหาจักร ท่านก็ยืนยันว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นพระดีร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน ไปกราบท่านนี่เห็นรัศมีกายสว่างไปสามโลกเลย แต่ปรากฏว่าหลังจากที่ไปทำบุญอยู่ระยะหนึ่ง เห็นหลวงพ่อกำลังด่าคน ด่าพวกที่ทำงานผิดพลาด เสร็จแล้วท่านกำหนดใจดูใหม่ อ้าว..มืดตื๋อเลย หลวงพ่อท่านตั้งใจแกล้ง ท่านก็เลยไปลังเล เขียนในบทบรรณาธิการว่า คาดว่าหลวงพ่อเป็นแค่พระโสดาบันเท่านั้น เพราะยังมีความโกรธอยู่..!

ถาม : แล้วอย่างนี้ผิดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ก็เขาเข้าใจอย่างนั้น ในเมื่อเขาเข้าใจอย่างนั้น ถามว่าผิดไหม ? ถึงไม่มีเจตนาก็ผิดเหมือนกัน แต่ผิดน้อยหน่อย


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงเย็น ณ บ้านอนุสาวรีย์
เดือนตุลาคม ๒๕๕๑


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:02


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว