กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   อารมณ์ดีและไม่ดี (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=148)

เถรี 14-02-2009 17:08

อารมณ์ดีและไม่ดี
 
จริง ๆ แล้วสิ่งต่าง ๆ ทั้งดีและชั่วที่เกิดขึ้นกับเรา เราจำเป็นที่จะต้องรับรู้และเก็บเข้ามาพินิจพิจารณาทั้งหมด อารมณ์ที่ดีเป็นที่ชอบใจของเราเป็นอารมณ์ที่แย่สุด ๆ เพราะว่าเราชอบเราก็เลยไปยึดมั่น ไปคว้าหามา ไม่คิดที่จะผลักไส

ส่วนอารมณ์ที่ไม่ดี เรารู้อยู่แล้วว่าไม่ดี ถึงเวลาเราก็พยายามไปผลักไส ดิ้นรนหนีอีก ตกลงว่าอารมณ์ดีหรือไม่ดี ก็พาเราเสียทั้งคู่ แต่อาตมาอยากจะบอกว่าอารมณ์ดีนั้น พาเราเสียง่ายกว่าเยอะ เพราะว่าเราชอบ นอกจากจะไม่ขับไล่ไสส่งแล้ว ยังไปไขว่คว้าหามาเพิ่มเติมอีก

จริง ๆ แล้วจะสิ่งดีหรือไม่ดีก็ตาม ถึงเวลาถ้ารู้แล้วสามารถวางได้ สิ่งไหนที่ชาวโลกเขาสมมตินิยมว่าดี เราก็ทำสิ่งนั้น สิ่งไหนที่ชาวโลกเขาสมมตินิยมว่าไม่ดี เราก็ละสิ่งนั้น รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ อย่าเอาใจไปยินดีทั้งดีและชั่ว ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมาก


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
กระโถนข้างธรรมาสน์

ทิดตู่ 22-08-2009 00:28

อัคคิเวสสนะ เวทนา ๓ อย่างนี้คือ

สุขเวทนา ๑
ทุกขเวทนา ๑
อทุกขมสุขเวทนา ๑

ในสมัยใดได้เสวยสุขเวทนา ในสมัยนั้น ไม่ได้เสวยทุกขเวทนา และไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่สุขเวทนาเท่านั้น

ในสมัยใดได้เสวยทุกขเวทนา ในสมัยนั้น ไม่ได้เสวยสุขเวทนา และไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่ทุกขเวทนาเท่านั้น

ในสมัยใดได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ในสมัยนั้น ไม่ได้เสวยสุขเวทนา และไม่ได้เสวยแต่ทุกขเวทนา ได้เสวยแต่อทุกขมสุขเวทนาเท่านั้น

อัคคิเวสสนะ สุขเวทนา...... ทุกขเวทนา....... อทุกขมสุขเวทนา.....ไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่งขึ้น อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไป เสื่อมไป คล้อยไป ดับไปเป็นธรรมดา

อัคคิเวสสนะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมหน่ายทั้งใน ทั้งสุขเวทนา ทั้งทุกขเวทนา ทั้งอทุกขมสุขเวทนา เมื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดย่อมหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ ว่าหลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี

อัคคิเวสสนะ ภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้แล ย่อมไม่วิวาทแก่งแย่งกับใคร ๆ โวหารใดที่ชาวโลกพูดกันก็พูดไปตามโวหารนั้น แต่ไม่ยึดมั่นด้วยทิฐิ

ทิดตู่ 22-08-2009 00:30

ทำให้นึกถึงที่พระท่านเมตตาเทศน์ให้ฟังว่า

โสมนัส โทมนัส และอุเบกขา ควรพิจารณาเป็นไปให้ละเอียดเพิ่มขึ้นอีก ๒ ลักษณะเพื่อความเข้าใจในเวทนาทั้งหลายได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น คือ

โสมนัสใด เป็นไปเพื่อกุศลธรรมเจริญขึ้น อกุศลธรรมเสื่อมลง โสมนัสนั้นควรเสพ
โสมนัสใด เป็นไปเพื่อกุศลธรรมเสื่อมลง อกุศลธรรมเจริญขึ้น โสมนัสนั้นไม่ควรเสพ

โทมนัสใด เป็นไปเพื่อกุศลธรรมเจริญขึ้น อกุศลธรรมเสื่อมลง โทมนัสนั้นควรเสพ
โทมนัสใด เป็นไปเพื่อกุศลธรรมเสื่อมลง อกุศลธรรมเจริญขึ้น โทมนัสนั้นไม่ควรเสพ

อุเบกขารมณ์ใด เป็นไปเพื่อกุศลธรรมเจริญขึ้น อกุศลธรรมเสื่อมลง อุเบกขารมณ์นั้นควรเสพ
อุเบกขารมณ์ใด เป็นไปเพื่อกุศลธรรมเสื่อมลง อกุศลธรรมเจริญขึ้น อุเบกขารมณ์นั้นไม่ควรเสพ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:05


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว