![]() |
มัชฌิมาปฏิปทาของแต่ละคนไม่เท่ากันมันเป็นไปตามกำลังใจ
ถาม : ผมสังเกตว่า...(ฟังไม่ชัด)...หลวงปู่มั่น ท่านทำ...(ฟังไม่ชัด)...จริง ๆ ไหมครับ ?
ตอบ : ทางสายอีสานที่ต้องปฏิบัติลำบากนั้น เราต้องดูด้วยนะ ลักษณะภูมิอากาศ ลักษณะการทำมาหากินของทางสายอีสานนี่ จะลำบากมาก ยิ่งสมัยก่อนที่การชลประทานยังไม่เหมือนสมัยนี้ อีสานแห้งแล้งจริง ๆ การต่อสู้ดิ้นรนของเขาต้องมากกว่าปกติ กำลังใจของเขาจะต้องเข้มแข็งมาก ถ้าไม่ได้เจอการทรมานมาก ๆ นี่จะเอาไม่ลง ดังนั้น..สายหลวงปู่มั่นถึงได้ถนัดเกี่ยวกับธุดงควัตร บางคนบอกว่าธุดงควัตร ๑๓ ข้อ ของพระพุทธเจ้าเป็นอัตตกิลมถานุโยค คือ ทรมานตัวจนเกินไป อันนี้ไม่ใช่ ธุดงค์ แปลว่าการแผดเผากิเลส จะเหมาะสำหรับท่านที่กำลังใจเข้มแข็ง กลายเป็นพอดีของท่าน ไม่ใช่การทรมานตน ถาม : .......(ไม่มีเสียง)........ ตอบ : คนอื่นเขาไม่เก่งเลยไปพระนิพพานกันหมด พวกเราเก่งก็เลยอยู่กันอีกนาน ไม่ค่อยจะกลัวนรกกัน มัชฌิมาปฏิปทาของแต่ละคนไม่เท่ากัน เป็นไปตามกำลังใจ เป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมมา เป็นไปตามบารมีที่สั่งสมมา อย่างหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า กำลังใจของท่านก็คือ ทรงอารมณ์เกาะพระนิพพานไว้ตลอดเวลา ไม่ยอมพร่องแม้แต่วินาทีเดียว นั่นตอนที่ก่อนท่านจะบรรลุมรรคผล แล้วเราทำได้ไหม ? เป็นเราทำก็เครียดตายเลย..ใช่ไหม ? เพราะฉะนั้น..มัชฌิมาปฏิปทาของเราก็เลยไม่เหมือนกัน ทางสายหลวงปู่มั่น ของท่านจะต้องเข้มงวดขนาดนั้น เพราะสิ่งแวดล้อมที่หล่อหลอมมา การดำรงชีวิตเต็มไปด้วยความยากลำบากของชาวอีสาน ทำให้จะต้องปฏิบัติอย่างเข้มข้น กำลังจิตถึงจะยอมลงให้ อย่างที่หลวงตาบัวท่านบอกว่า นั่งสมาธิกันข้ามวันข้ามคืน นั่งกันจนก้นแตก ลุกขึ้นมานี่น้ำเหลืองนองเลย คือร้อนจนพองแล้วแตก นั่นแหละท่านบอกว่าจิตถึงจะยอมลง ไม่อย่างนั้นก็ดิ้นรน กระโดดโลดเต้นไปเรื่อย คราวนี้แนวการปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้นั้นมีอยู่ ๔ แบบ คือ สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ปฏิบัติง่าย ๆ บรรลุก็เร็ว ทุกขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ปฏิบัติยากลำบาก แต่บรรลุเร็ว ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา ปฏิบัติลำบาก บรรลุก็ยาก สุขาปฏิปทา ทันธาภิญญา ปฏิบัติง่าย แต่บรรลุยาก ปฏิบัติง่ายบรรลุเร็ว ปฏิบัติง่ายบรรลุช้า ปฏิบัติยากบรรลุเร็ว ปฏิบัติยากบรรลุช้า ก็ขึ้นอยู่กับว่า แบบไหนที่จะเหมาะสมกับแต่ละคน แต่ละสถานที่ ถ้าเอามัชฌิมาปฏิปทาของพระพุทธเจ้า ท่านอธิษฐานว่า เมื่อท่านนั่งลงไปแล้ว แม้เลือดและเนื้อจะเหือดแห้งไปก็ตามที ชีวิตินทรีย์นี้จะเสื่อมสลายไปก็ตาม ถ้ายังไม่บรรลุมรรคผลเมื่อไร พระองค์ท่านจะไม่ลุกขึ้น ถ้าเราไปตั้งใจอย่างนั้นก็ตาย เพราะว่าปัญญาไม่ได้อย่างท่าน ถาม : หมายความว่า ตัวเองเป็นคนกำหนดใช่ไหม ? ตอบ : ตัวเองควรจะรู้เองว่าอะไรเหมาะสม เราจะรู้เลยว่า ตรงนี้เราขี้เกียจ แล้วเราก็รู้ว่าตรงนี้เรายังขยันไม่พอ ถาม : แสดงว่าเราก็ทำไปตามที่มโนสำนึกเราบอกว่า อันนี้ดีใช่ไหม ? ตอบ : ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหว ให้ฝืนต่ออีกหน่อย ถ้ายังฝืนได้ แสดงว่านั่นเป็นตัวถีนมิทธะชวนให้ง่วง ชวนให้ขี้เกียจ ถ้าลองฝืนแล้วไม่ไหวจริง ๆ ไปไม่รอดก็เลิก เเล้วรักษาอารมณ์เอาไว้ สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๔ |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:09 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.