กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   สาเหตุของความตาย (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1323)

เถรี 18-11-2009 21:20

สาเหตุของความตาย
 
คนเรามันมีวาระที่ความตายเข้ามาหลายสาเหตุด้วยกัน
สาเหตุที่หนึ่งเขาเรียกว่า อุปฆาตกรรม เป็นกรรมที่มาตัดรอน เกิดจากที่เราเคยฆ่าคนหรือสัตว์ใหญ่ไว้ก่อน กรรมตรงนี้เมื่อมาทันก็มาตัดชีวิตของเราไป

สาเหตุที่สองเกิดจากหมดอายุ สมมติว่าเรามีอายุขัย ๗๕ ปี ถ้าไม่ได้ประกอบกรรมความดีเพิ่มเติมในลักษณะของการต่ออายุเลย ก็จะหมดแค่นั้น

สาเหตุที่สาม หมดอาหาร อาหารก็มี ๑) กวฬิงการาหาร ก็คือข้าวและน้ำทั่ว ๆ ไป ๒) ผัสสาหารคือลมหายใจเข้าออก ถ้าไม่มีเข้าไปสันดาป เผาผลาญ ช่วยย่อย พวกระบบร่างกายต่าง ๆ ก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ ๓) วิญญาณาหาร ความต้องการทางตา ทางหู ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เห็นรูปสวย ๆ แล้วชื่นใจ ได้ยินเสียงเพราะ ๆ ชื่นใจ มีกำลังอยู่ต่อได้ แล้วก็ ๔)มโนสัญเจตนาหาร ความที่ใจมุ่งมั่นอยู่ เช่น รู้สึกว่างานยังไม่เสร็จ อย่างไรก็ไม่ไป ถ้าหากว่ากำลังใจมั่นคงจริง ๆ อยู่ต่อได้ แบบเดียวกับที่พระท่านอธิษฐานให้ร่างกายท่านอยู่เป็นกัป

สาเหตุสุดท้าย หมดกรรม หมวดนี้จะต้องเก็บไว้สำหรับพระอริยเจ้าระดับสูงสุดเท่านั้น ก็คือ หมดกรรม หมดงานแล้ว ไปดีกว่า

เถรี 18-11-2009 21:21

เพราะฉะนั้น..ถ้าความตายมาถึงแล้วไม่มีอะไรที่น่ากลัวสักอย่าง
อุปฆาตกรรม เราทำเขาไว้ ใช้คืนเขาไป จะได้ไม่ตามทวงอีก
หมดอายุ อยู่มาจนป่านนั้นแล้ว ถ้าอายุ ๗๕ ก็แทบจะตะบันน้ำกินแล้ว ไปดีกว่า
หมดอาหาร ไม่มีอาหารกินแล้ว อย่างนี้ไปดีกว่า
หมดกรรม ตรงนี้ใคร ๆ ก็อยากหมด ก็ต้องหยุดสร้างกรรม

แรก ๆ ก็ทำความดี เว้นความชั่วไปเรื่อย ๆ ภายหลังก็จะเหลือสักแต่ว่าทำ รู้ว่าดีก็ทำเพราะว่าส่งผลให้แต่ดี รู้ว่าชั่วก็ละ ไม่ไปแตะต้องในส่วนของความชั่ว จิตใจก็ปลดออกมา ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว ก็กลายเป็นสักแต่ว่าทำ กรรมก็ไม่เกิด ถ้าหากถึงระดับนั้นแล้ว ทำดีก็ไม่ได้ผลดี ทำชั่วก็ไม่ได้ผลชั่ว เพราะเลยดีเลยชั่วไปแล้ว แต่ท่านทำดีเพื่อเป็นเนติ คือ แบบอย่างให้คนรุ่นหลัง และในขณะเดียวกันก็เว้นชั่วเพื่อไม่ให้ความเศร้าหมองต่าง ๆ มาเกาะกินท่านได้ รอเวลาหมดกรรม ฉะนั้น..พระถ้าทำถึงที่สุดแล้ว หมดงานเมื่อไรท่านก็ไปเลย

สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ มีพระจากจังหวัดราชบุรีอยู่รูปหนึ่ง อายุแค่ ๓๗ ปีเท่านั้น เมื่อเข้าถึงที่สุดแล้ว พิจารณาตนเองว่ามีงานที่จะทำหรือไม่ ก็ปรากฏว่าไม่มี งานของท่านในชาตินี้มีอยู่อย่างเดียว คือทำตัวของท่านให้ถึงที่สุดก็พอ เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านก็เลยมากราบลาหลวงพ่อเพื่อไปพระนิพพาน เนื่องจากว่าหลวงพ่อท่านรักษาการณ์แทนพระใหญ่ ถึงเวลาก็เลยต้องมาลาเจ้านายไปพระนิพพาน

ที่พม่าก็มีหลวงปู่สุริยะ จำไม่ได้ว่าอายุ ๕๒ หรือ ๕๓ ท่านไปแล้ว ทุกวันนี้ก็ทิ้งสังขารไว้ ไม่เน่าไม่เปื่อย ให้คนรุ่นหลังได้กราบไหว้เป็นหลักฐาน สถานที่ซึ่งท่านปฏิบัติ เหยียบเข้าไปถึงรู้สึกเย็นอย่างกับห้องปรับอากาศเลย กระแสความดีของท่านยังอยู่ แล้วก็รู้สึกว่าคนพม่าเขาจะเข้าใจตรงจุดนี้ เขากลึงหินอ่อนปักไว้ตรงนั้น ติดป้ายให้รู้เลยว่าเป็นจุดปฏิบัติธรรมแล้วท่านบรรลุ ถ้าใครอยากได้ง่าย ๆ ก็ไปนั่งแปะอยู่ตรงนั้นแล้วก็ปฏิบัติ เดินเข้าไปถึงรู้สึกเย็นชนิดที่ว่าอยากจะนั่งลงปฏิบัติเดี๋ยวนั้นเลย


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๒


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:56


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว