![]() |
สิ่งที่ต้องระวังในการทำงานสาธารณประโยชน์
จากงานที่ผ่านมา พวกเราก็จะเห็นแล้วว่าพระพี่พระน้องเขาให้เครดิตสูงมาก งานอะไรที่เราไปถึงเขาจะวางมือให้เราจัดการหมด มันเป็นภาระที่ปฏิเสธไม่ได้ สมัยก่อนที่เรียนทหารก็ไม่เข้าใจ ว่าทหารเขาจัดวางอัตรากำลังโดยกำหนดว่าคนนั้นรับตำแหน่งนั้น คนนี้รับตำแหน่งนี้ จริง ๆ เขารู้มาตั้งแต่สมัยเรียนว่าใครมีความสามารถเท่าไหร่
เรื่องของพระเราก็เหมือนกัน สมัยที่ยังอยู่ใต้ร่มใบบุญของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็รู้อยู่ว่าแต่ละคนใครมีความสามารถเท่าไหร่ เมื่อเป็นดังนั้นพระพี่พระน้องสายนอกก็ดี สายในก็ดี เมื่อเขาแยกออกมา พอมีงานเขาก็นิมนต์ไป กลายเป็นเราเป็นเจ้าถิ่น คือ งานทุกอย่างเขาจะโยนให้ โดยเฉพาะระยะนี้บรรดาท่านทั้งหลายที่เคยร่วมศึกกันมาหลายสนาม ท่านที่ไม่ได้มาเกิดอย่างพวกเรา เขาตามมาช่วยงาน จะบอกว่าเหมือนกับเราไปรบทัพจับศึก ซึ่งในแต่ละที่ที่ไป ถ้าหากว่าเป็นการไปรบก็ถือว่าชนะ แต่ว่าเราไม่ได้ต้องการตรงจุดนั้น ความสำเร็จทางการงานมันไม่ได้สำคัญเท่ากับความสำเร็จในใจ ความสำเร็จในใจก็คือทำอย่างไรให้เราลด รัก โลภ โกรธหลงในใจของเราได้ งานที่ผ่าน ๆ ไป พวกเราลดความโลภได้แน่นอนเพราะว่าเรื่องของการบริจาคเงิน บริจาคของต่าง ๆ พวกเราควักอย่างไม่ห่วงหน้าห่วงหลัง มันก็เหลือแต่โกรธกับหลงว่าเราลดละได้จริงไหม เวลาทำงานมันมีการกระทบกระทั่งกันอยู่เสมอ บางทีอาจจะเกิดจากความเห็นไม่ตรงกันบ้าง มันเหนื่อยขึ้นมาแล้วคุมอารมณ์ไม่อยู่บ้าง พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเคยบอกว่า ใครก็ตามที่ทำงานเพื่อสาธารณประโยชน์โดยเฉพาะเรื่องของการก่อสร้าง มันจะมีสารพันปัญหาเข้ามาอยู่เสมอ ถ้าเราสามารถที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ จะทำให้เราเข้าถึงธรรมได้เร็ว เพราะว่ามันชนอยู่กับของจริงอยู่ตลอด จากงานต่าง ๆ ที่ผ่านมามันก็เหลืออยู่แค่อย่างเดียวว่า สังเกตตัวเองว่าโกรธกับหลงมันเหลืออยู่แค่ไหน แต่ว่าบางทีมันก็สังเกตได้ยาก เพราะว่า ปีติมันขึ้นมาบัง มันปลาบปลื้มยินดีกับงานที่ตัวเองทำ ทำกันแบบไม่เหนื่อยไม่หน่าย มีแรงเท่าไหร่ทุ่มลงไป จนลืมนึกถึงเรื่องกิเลสที่ซ่อนอยู่ในใจของตนเองไป ถ้าจิตไม่ละเอียดจริง จับอารมณ์ใจตนเองไม่ได้ แล้วงานของใจที่รออยู่ก็ลืม... ถ้าหากว่าเราเองไม่ระมัดระวังไว้ บางทีกำลังใจของเราเสียได้กับงานต่าง ๆ เหมือนกัน |
พระอาจารย์สอนพระว่า "เรื่องของโลกธรรม ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มีของคู่กัน คือ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์
ถ้ามีเงินไหลเข้ามา ก็คือ ลาภ ถ้าเราไปหวั่นไหว หรือยังไม่ได้อย่างใจ เราต้องการมากกว่านั้น ตรงนี้เราต้องดูให้เป็น แม้ว่าทั้งหลายเหล่านี้เราจะทำเพื่อคนอื่นก็จริง แต่ต้องดูว่ากำลังใจของเรายังไปดิ้นรนไขว่คว้าหรือว่าเราปล่อยวางได้ ถ้าปล่อยวางได้....ได้เท่าไหร่ก็พอใจเท่านั้น ถ้าปล่อยวางไม่ได้ยังไปดิ้นรนว่าอยากได้เท่านั้น อยากได้เท่านี้ ทำไมเขาไม่บูชาวัตถุมงคลให้หมด ๆ ไปเลย ถ้าอย่างนั้นกำลังใจของเรายังใช้ไม่ได้ งานทุกงานพยายามหาประโยชน์จากเหตุการณ์ให้ได้ คือ ทำอย่างไรที่เราจะมองเห็นจุดบกพร่องแล้วนำมาพัฒนาแก้ไขกำลังใจของเรา ถ้าไม่มองอย่างนั้นเดี๋ยวตาย ตายไม่รู้ตัวด้วย เพราะเราคิดว่าเราทำความดี แต่ความจริงแล้วมีกิเลสแฝงอยู่ด้วย ถาม : แล้วถ้าทำให้งานเสร็จ ๆ ไป ? ตอบ : นั่นแหละต้องประเภทนั้น ทำแต่ว่าสักให้เสร็จ ๆ ไป แต่ไม่ใช่มักง่ายนะ เสร็จแบบดีที่สุด ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ พอเสร็จงานตรงนั้นก็กองไว้ตรงนั้น ไม่ต้องไปใส่ใจ จบแล้วจบเลย ไม่มีการต่อความยาวสาวความยืดอีก เทศน์ช่วงเช้า ณ บ้านอนุสาวรีย์ วันศุกร์์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ |
กาแฟ
จะขออีกก็กลัวโดนแซว แต่ถึงอย่างไร ก็ขอเป็นธรรมทานนะครับ ๕๕๕๕๕
|
ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ในเว็บพลังจิตนะครับ
|
กราบขออาราธนาธรรมไปเผยแพร่ในเฟซบุ๊กชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิตครับ
โมทนา |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:41 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.