![]() |
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๘
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๘ |
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เมื่อช่วงใกล้เพล พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี โทรศัพท์มาแจ้งข่าวดีของชาวทองผาภูมิ ก็คือ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี จะเสด็จประพาสทองผาภูมิในวันที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๙ แล้วตัวกระผม/อาตมภาพก็ได้รับการกำหนดให้เป็น ๑ ใน ๑๐ พระเถระทรงสมณศักดิ์ ที่ต้องไปเจริญพระพุทธมนต์ในพิธีถวายการต้อนรับ
หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดท่านบอกว่า "ข่าวมาก็ต้องรีบแจ้งด่วน เพราะว่าหลวงพ่อเล็กงานมาก เดี๋ยวจะติดงานที่อื่นเสียก่อน" กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้เรียนท่านว่า รับงานฉลอง ๑๑๗ ปีวัดยางกวง จังหวัดเชียงใหม่เอาไว้แล้ว ก็ต้องคืนฎีกาให้กับทางพระครูปลัดฟลุก (พระครูปลัดธีร์นวัช ญาณสิทฺธิวาที) ไป เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่ามาในระยะใกล้ ๆ แค่เดือนหรือ ๒ เดือน ส่วนใหญ่จะไม่ได้ตัวกระผม/อาตมภาพไป เนื่องเพราะว่ามักจะรับงานข้ามปีไว้ก่อนเสมอ ดังนั้น..ในส่วนของการที่ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีเสด็จเยือนทองผาภูมิ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องมงคลใหญ่ และเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งของชาวทองผาภูมิ ท่านที่เกิดทัน หรือว่าเกิดทันแต่ไม่ได้ใส่ใจ ก็อาจจะจำไม่ได้แล้ว เมื่อ ๔๐ ปีก่อน คือวันที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๙ ปีที่กระผม/อาตมภาพบวช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จมาทองผาภูมิพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีในตอนนั้น และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีในตอนนั้น มาเปิดเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งตอนนั้นชื่อว่าเขื่อนเขาแหลม แล้วในขณะเดียวกัน พระองค์ท่านก็เสด็จมาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระเกตุของหลวงพ่อ ภปร. พระพุทธกาญจนธรรมพิทักษ์ พระองค์ใหญ่ที่หน้าวัดทองผาภูมิ ผ่านไป ๔๐ ปี ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีก็มีหมายกำหนดการเสด็จมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าพระบรมวงศานุวงศ์ท่านอื่น ๆ นั้นเสด็จมาเป็นปกติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ช่วงนั้นก็ต้องเสด็จมาแก้ไขปัญหาเรื่อง "ทำอย่างไรให้คนกับป่าอยู่ด้วยกันได้ ?" เพราะว่ามีการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อุทยานแห่งชาติเขื่อนเขาแหลม อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และอุทยานแห่งชาติเขาช้างเผือก โดยที่ชาวบ้านเขาอยู่กันมาก่อน ในเมื่อทางการไปขับไล่ เขาก็ต่อต้าน เพราะว่าเขาอยู่กันมานานแล้ว จนกระทั่งพระองค์ต้องมาพระราชทานพระดำริ ว่าทำอย่างไรจะให้บุคคลทั้งหลายเหล่านี้อยู่กับป่าได้ และท้ายที่สุดก็มีการสร้างศูนย์ศิลปาชีพขึ้นที่ตำบลชะแลและตำบลห้วยเขย่งด้วย |
โดยเฉพาะสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการนับครั้งไม่ถ้วน ที่สำคัญก็คือมาเปิดห้องสมุดเฉลิมราชกุมารี และทรงปลูกต้นจันทน์เอาไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งปัจจุบันต้นใหญ่มากแล้ว เพราะว่าผ่านไปหลายสิบปี
หรือว่าสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ช่วงที่ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว พระองค์ท่านเสด็จมาเกือบทุกเดือน เพราะว่าต้องมาติดตามงานต่าง ๆ ที่สมเด็จพระพันปีหลวงก็ดี กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ก็ดี ได้ทำเอาไว้ พระองค์ท่านให้ความสำคัญกับทองผาภูมิมาก เพราะว่าเป็นเมืองชายขอบ ประกอบไปด้วยชาติพันธุ์ต่าง ๆ มากมาย คนพื้นเดิมของที่นี่ก็คือกะเหรี่ยง หลังจากนั้นเมื่อมี มอญ พม่า ย้ายเข้ามา กะเหรี่ยงที่รักสงบก็หนีลึกเข้าป่าไปเรื่อย แล้วต่อมาก็ยังมีม้ง มีเย้า มีลีซู ซึ่งเราเรียกว่าลีซอ และที่นึกไม่ถึงก็คือพี่น้องชาวเนปาลี หรือเนปาล ซึ่งมีถึง ๒ แสนกว่าคน เพราะว่ามาเป็นคนงานทำเหมือง แล้วปัจจุบันนี้ส่วนหนึ่งก็กลายเป็นคนไทยไปแล้ว เพราะว่าอยู่กันมานานหลายสิบปี เราจะเห็นว่าในส่วนของราชวงศ์ให้ความสำคัญกับทองผาภูมิของเรามาโดยตลอด แล้วทองผาภูมิของเราก็เป็นพื้นที่ล่อแหลม ก็คือมีชายแดนติดพม่าเป็นระยะทางที่ค่อนข้างจะยาว โดยเฉพาะด้านปิล็อก ซึ่งหน่วยทหารของเราตั้งประจันอยู่กับหน่วยทหารพม่าที่นั่น ถึงเวลาก็ข้ามไปเที่ยวฝั่งเขาและข้ามมาเที่ยวฝั่งเรา แรก ๆ ก็จะตีกันตาย เนื่องเพราะเซ็นสัญญาตกลงกันไว้ว่า ๖ โมงเย็นเมื่อไร ทุกฝ่ายต้องกลับเข้าที่ตั้ง แต่ ๖ โมงเย็นแล้วทหารพม่ายังอยู่ในตัวหมู่บ้านอีต่องอยู่เลย กว่าจะรู้ว่าพม่ากับเราเวลาต่างกันครึ่งชั่วโมงก็แทบจะฆ่ากันตาย..! เพราะนึกว่าอีกฝ่ายหนึ่งละเมิดข้อตกลง ก็คือแม้ว่าพม่าจะอยู่ติดกับเราก็จริง แต่เวลาจะช้ากว่าเราครึ่งชั่วโมงเสมอ อย่างเช่นตอนนี้ของพม่าก็น่าจะประมาณ ๖ โมงครึ่งเท่านั้น แต่บ้านเรา ๑ ทุ่มไปแล้ว |
พวกเราทั้งหลายในฐานะพสกนิกร ถ้าหากว่ามีเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ ก็อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยลำดับความสำคัญให้ ก็คือถ้าเรื่องส่วนตัวกับเรื่องคณะสงฆ์ กระผม/อาตมภาพจะเอางานคณะสงฆ์ก่อน แต่ถ้าเป็นงานคณะสงฆ์กับงานในรั้วในวัง กระผม/อาตมภาพก็ต้องเสียสละงานคณะสงฆ์ เอางานในรั้วในวังไว้ก่อน
เนื่องเพราะว่าสถาบันหลักของบ้านเราเมืองเรานั้น ไม่สามารถที่จะทิ้งกันได้ เปรียบเสมือนกับเก้าอี้ ๓ ขา ถ้าขาดขาใดขาหนึ่งไปก็ไม่สามารถที่จะตั้งอยู่ได้อย่างมั่นคง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ว่าเราไปรับงานที่อื่นไว้ เห็นแน่ ๆ ว่าจะได้เงินมาก แล้วอยู่ ๆ มาเจองานหลวง ซึ่งสมัยก่อนนี้ ไม่ว่าคุณจะยศใหญ่แค่ไหนก็รับไปคนละ ๒๐๐ บาท..! แล้วเราก็จะไปทิ้งงานหลวง เพื่อไปเอาที่เงินมากกว่า ถ้าทำแบบนั้นก็หาที่ตาย..! คาดว่าไม่มีผู้บังคับบัญชาคนไหนที่อยากจะให้เราทำอย่างนั้น งานนี้กระผม/อาตมภาพเอง ซึ่งปกติแล้ว ในปัจจุบันสมณศักดิ์ก็คือ เทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ปกติถ้าในฝ่ายมหานิกายแล้วก็นั่งเหนือว่าพระครูทั้งจังหวัด แต่ด้วยความที่ว่างานนี้พระครูศรีศาสนกิจ (ณรงค์ชัย สุวีโร ป.ธ.๖) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี (ธรรมยุต) ได้รับการระบุตัวมาด้วย ก็เลยต้องนั่งต่อจากท่านไป เนื่องเพราะว่าเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด จะถือพัดเปลวเพลิง ซึ่งมีระดับชั้นสูงกว่าพระครูทั่วไป แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราไม่ได้ใส่ใจตรงนั้น ส่วนที่ใส่ใจก็คือว่าการที่ได้รับนิมนต์ให้ไปถวายการต้อนรับนั้น ถือว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดของพระภิกษุสงฆ์รูปนั้น ๆ โดยเฉพาะในส่วนของผ้าไตรพระราชทาน ซึ่งมีข้อปฏิบัติก็คือว่า "รับมาแล้วต้องใช้ฉลองพระเดชพระคุณด้วย" สมัยก่อนหลวงปู่มหาอำพัน - พระเดชพระคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) วัดเทพศิรินทราวาส ท่านรับผ้าไตรพระราชทานมาแล้วก็ใส่กล่องพลาสติกขึ้นหิ้งไว้บูชา ยังกราบเรียนหลวงปู่ว่า "เราต้องใช้นะครับ เพื่อให้พระองค์ท่านได้พระราชกุศล" |
แต่เรื่องพวกนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเคารพมากเคารพน้อยของพวกเรา หลวงปู่ท่านเคารพพระราชวงศ์อย่างสูง สวดมนต์ทำวัตรเสร็จเรียบร้อยทุกวันจะอุทิศส่วนกุศลให้แก่ "ในหลวง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชจักรีวงศ์ทุก ๆ พระองค์ เทวดาที่รักษาศาลหลักเมืองทุกแห่ง พระสยามเทวาธิราชทุก ๆ พระองค์ ฯลฯ" ท่านจะมีลำดับที่แน่นอน กว่าท่านจะอุทิศส่วนกุศลเสร็จ กระผม/อาตมภาพหลับไปสามตื่นแล้ว..!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็รอข่าวดี หรือรอดูรูปวันงาน ซึ่งอีกไม่กี่วันที่จะมาถึง เมื่อถึงเวลาแล้ว ในหลวงและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีเสด็จมา เขาจะจัดถวายการต้อนรับอย่างไร แต่สถานที่ซึ่งระบุให้กระผม/อาตมภาพไปเจริญพระพุทธมนต์ถวายการต้อนรับ ก็คือภายในเขื่อนวชิราลงกรณ ไม่แน่ใจว่าพระองค์ท่านจะเสด็จมาสักการะหลวงพ่อ ภปร. พระพุทธกาญจนธรรมพิทักษ์ด้วยหรือเปล่า ? ถ้าหากว่าเสด็จมา ก็เป็นบุญของชาวทองผาภูมิที่จะได้เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด ถือว่าเป็นเกียรติยศอย่างหนึ่งเฉพาะของตนเองที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณแบบนั้น สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) |
| เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:22 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.