กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=168)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=11321)

พิชวัฒน์ 12-11-2025 16:48

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๘



เถรี 13-11-2025 00:12

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพหนีน้ำท่วมไปเยือนเกาะปีนัง ซึ่งในสมัยโบราณนั้นเกาะปีนังเป็นส่วนหนึ่งของรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย หรือในชื่อเดิมก็คือรัฐไทรบุรี ซึ่งเราได้เสียให้กับประเทศอังกฤษไปในสมัยรัชกาลที่ ๕ ประกอบไปด้วย ๔ รัฐมลายู ก็คือ ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส

คราวนี้ในชื่อใหม่ของรัฐไทรบุรีก็คือรัฐเคดาห์ นี่ถือว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่ง อีกประการหนึ่งก็คือเกาะหมากหรือว่าเกาะปีนังนี้ มีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น จนกระทั่งปัจจุบันนี้เป็นรัฐหนึ่งของประเทศมาเลเซียแล้ว ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของรัฐเคดาห์อย่างในอดีต

กระผม/อาตมภาพได้รับความเมตตาจากทิดดอย (ว่าที่ ดร. ภาณุพงศ์ วังประภา) ทำการเรียกรถแท็กซี่ให้ ซึ่งความจริงนัดกันตอน ๘ โมงเช้า แต่ปรากฏว่ารถแท็กซี่อยู่ห่างไปแค่ ๓ ซอย ใช้เวลาวิ่งมาไม่ถึง ๕ นาที แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก เนื่องเพราะว่าขาไปสนามบินนั้นไม่ทราบเหมือนกันว่ารถติดอะไรกันนักหนา กว่าที่จะไปถึงท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองก็เล่นไปชั่วโมงกว่า..!

ไปถึงปรากฏว่ามาดามศุ ป้าศุ หรือ พี่ศุ (นางศุภากาญจน์ หว่อง) แล้วแต่ใครจะเรียก มารออยู่กับหลานสาว ก็คือน้องปุย (นางสาวปิยะพร เพิงจันดา) ซึ่งมาในฐานะ FC วัดท่าขนุน ด้วยเหตุที่ว่าพี่ศุนั้น จะต้องเดินทางไปเมืองฉงชิ่งในวันเดินทางกลับจากปีนัง แต่ว่าต้องออกแต่เช้าเพื่อให้ไปทันกับพรรคพวกที่รออยู่ด้านนั้น จึงต้องทิ้งให้กระผม/อาตมภาพเดินทางกลับด้วยตนเอง ทำเอาน้องปุยทำใจไม่ได้

โดยเฉพาะพี่ศุบอกกับน้องปุยว่า "หลวงพ่อฉันมรณภาพไปแล้ว (หมายถึงหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง) ตอนนี้เหลือแต่หลวงพ่อของแก แกก็ดูแลเองแล้วกัน" ทำเอาน้องปุยต้องลางาน เพื่อที่จะมาติดตามคอยบริการตลอด ๓ วันนี้ ทำให้รู้สึกเกรงใจมากอยู่เหมือนกัน

แต่ด้วยความที่อีกฝ่ายมีความคล่องตัวและชำนาญมาก จึงทำการจองตั๋วเครื่องบิน ทำการขอวีซ่า และใบผ่านแดนออนไลน์ ตลอดจนกระทั่งเช็คอินออนไลน์มาให้เรียบร้อย กระผม/อาตมภาพจึงรับแค่ตั๋วที่น้องปุยปริ๊นท์มาให้ แล้วก็เดินผ่านเครื่องตรวจเอ็กซเรย์เข้าไป ปรากฏว่าแม้จะไม่มีอะไรดังเลยก็ตาม แต่ว่าเจ้าหน้าที่ก็ขออนุญาตลูบ ๆ คลำ ๆ ทั้งตัวด้วยความรอบคอบ ต้องถือว่า "ทำงานเป็น" ทีเดียว

เถรี 13-11-2025 00:21

พวกเราไปนั่งรอที่ประตูขึ้นเครื่อง เจอพระภิกษุอยู่ ๑๐ กว่ารูป และญาติโยมคณะใหญ่ ยังไม่ทันที่จะ ๑๐ โมง เขาก็เรียกขึ้นเครื่องแล้ว ทำเอากระผม/อาตมภาพหิ้วกระเป๋าไปเดินต่อแถว แล้วถึงเห็นบนจอแอลซีดีลงเอาไว้ว่าเป็นคนละเที่ยวบินกัน เที่ยวบินนี้จะตรงไปลุมพินี ประเทศเนปาล เกือบจะทำให้กระผม/อาตมภาพได้ไปเที่ยวเนปาลเสียแล้ว..!

แสดงว่า "เจ้าแม่นภิสราเทวี" แกกำลังสูงมากทีเดียว แม้ว่าครั้งนี้จะรับปาก "หลงโถว" ซึ่งเคยแนะนำตัวเจ้าแม่ให้กระผม/อาตมภาพเมื่อ ๑๐ กว่าปีที่แล้ว มาในวันนี้ตั้งใจจะมาสงเคราะห์ท่านกับลูกน้อง แต่ปรากฏว่าเกือบจะโดนเจ้าแม่ดึงไปเนปาลแทนเสียนี่..! ต้องรอจนกระทั่งเลยเวลาบอร์ดดิ้งไป ๒๐ นาที กว่าที่เครื่องของเราจะมาเทียบงวง แล้วก็ให้โซน ๒ ขึ้นก่อน ประกอบกับบรรดา VIP กระผม/อาตมภาพได้แต่นั่งรอแบบเซ็ง ๆ เพราะว่าตนเองอยู่โซน ๓ แต่พอเจ้าหน้าที่เหลือบมาเห็นว่ายังมีพระอีกรูปหนึ่ง ก็เลยรีบนิมนต์ให้ขึ้นไปก่อน..!

เครื่องบินใช้เวลาบินประมาณ ๒ ชั่วโมง ตอนที่ขึ้นก็ใจคอไม่ค่อยจะดี เพราะว่าเมฆฝนมืดไปหมด เวลาเครื่องบินบินผ่านก็เกิดอาการสั่นสะท้านไปทั้งลำ แต่ว่า "หลงโถว" กับบริวารยืนยันว่าไม่มีปัญหา ทุกอย่างจะเรียบร้อยดีงาม โดยเฉพาะชี้ออกไปทางด้านนอก จอมอสูรอสุรินทราหูเอามือรองเครื่องบิน ก้าวยาว ๆ ไป ในลักษณะเหมือนกับเด็กจับเครื่องบิน พร้อมที่จะวิ่งแล้วก็พุ่งเครื่องบินขึ้นฟ้า..ประมาณนั้น..! เห็นแล้วก็ยังรู้สึกทึ่งว่าเทวดานี่ตัวใหญ่เหลือเกิน เนื่องเพราะว่าท่านเดินสบาย ๆ แต่ว่าเครื่องบินต้องบินด้วยความเร็ว ๘๐๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่อนุโมทนาในใจ

เครื่องมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติปีนังก่อนเวลา ๑๐ นาที เมื่อลงถึงพื้นแล้วจึงได้เห็นว่าทางด้านนี้ฝนตกไปเรียบร้อยแล้ว พวกเราต้องมารอผ่าน ตม.ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งระบบยังไม่ใช่อัตโนมัติเต็มที่เหมือนประเทศสิงคโปร์ ผู้คนจึงค่อนข้างจะแออัดยัดเยียด แต่ว่า "หลงโถว" ชี้ให้เข้าไปอยู่ในช่องหมายเลข ๑๑

กระผม/อาตมภาพเข้าไปแล้วก็ไม่ผิดหวัง เนื่องเพราะว่าเจ้าหน้าที่อะลุ้มอล่วยมาก ขนาดส่งวีซ่าออนไลน์ให้ดูก็ไม่สนใจ แค่ชี้นิ้วให้หันหน้าเข้าหากล้อง หลังจากนั้นก็ทำท่าให้ประทับนิ้วชี้ทั้งสองนิ้วลงบนเครื่อง เสร็จสรรพเรียบร้อยก็ประทับตราหนังสือเดินทางโป้งเข้าให้ แล้วกระผม/อาตมภาพก็เดินผ่านมา อีกไม่ถึงนาทีน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ก็ผ่านมาด้วย ขณะที่ช่องอื่นนั้น บางทีเขาก็เรียกคุยแล้วคุยอีก ไม่ต้องผ่านกันเสียที ต้องเจริญพรขอบคุณท่านเจ้าพ่อหลักเมืองมาเลเซียเป็นอย่างยิ่ง

ตอนแรกที่เจอกัน กระผม/อาตมภาพก็ยังสอบถามท่านว่า "ประเทศมาเลเซียไม่ได้มีคนจีนเป็นหลัก หากแต่ว่าเป็นคนมลายู แล้วทำไมเจ้าพ่อหลักเมืองถึงเป็นเจ๊ก ?" ท่านบอกว่า "เนื่องเพราะว่าคนจีนเป็นคนอัญเชิญเจ้าพ่อหลักเมืองเป็นคนแรก กระผมซึ่งมีเชื้อสายจีน จึงต้องมาทำหน้าที่เจ้าพ่อหลักเมืองตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา"

เถรี 13-11-2025 00:25

พวกเราเมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาแล้ว ก็ตรงไปหาห้องน้ำก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็มารอกระเป๋า โดยที่กระผม/อาตมภาพมีแค่กระเป๋าขึ้นเครื่องหนัก ๕.๒ กิโลกรัมอยู่ใบเดียว แต่ก็ต้องมารอด้วย ได้กระเป๋าครบแล้ว เดินผ่านออกมา เจ้าหน้าที่ยังให้ส่งกระเป๋าไปสแกนอีกรอบหนึ่ง เป็นการทำงานที่ค่อนข้างจะรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง

แล้วพวกเราก็มาเช่ารถแท็กซี่ ซึ่งทางด้านนี้รถแท็กซี่นั้นจะเป็นรถรับผู้โดยสาร ๕ คน ตอนแรกก็มีคนกระดี๊กระด๊าจะมาขอเฉลี่ยใช้รถด้วย แต่ปรากฏว่าคณะของเรามากัน ๔ คน นั่งหน้า ๑ คน นั่งหลัง ๓ คน เต็มพอดี ราคา ๕๕ ริงกิต ซึ่งเป็นเงินไทยก็เกือบ ๆ ๕๐๐ บาท ตรงไปยังโรงแรม OZO ในเขต George Town ของรัฐปีนัง ซึ่งเป็นเขตเมืองเก่า ที่มีอาคารสไตล์ชิโนโปรตุเกสอยู่เป็นจำนวนมาก

พวกเราต้องขึ้นไปรับห้องที่เคาน์เตอร์ชั้น ๒๐ แต่ว่าห้องพักที่ได้อยู่ชั้น ๓ เมื่อได้คีย์การ์ดมาแล้ว จึงต้องย้อนกลับลงไปอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะเข้าห้องพักของตน ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะออกไปเดินเล่นกันรอบบริเวณนี้ แต่ว่าหลังจากสรงน้ำเรียบร้อยแล้ว ทางด้านพี่ศุ น้องปุย และน้องเล็ก ก็ยังตกลงกันไม่ได้ ว่าจะไปทางไหนบ้าง ? โดยเฉพาะในส่วนไฮไลท์ของที่นี่ก็คือตลาดกลางคืน ซึ่งกระผม/อาตมภาพไม่นิยมการเที่ยวกลางคืนแม้แต่นิดเดียว จึงได้ปฏิเสธว่าถ้าอย่างนั้นก็จะไม่ไปไหนแล้ว หลังจากบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเสร็จก็จะพักผ่อนเลย เพราะว่าจะต้องตั้งใจภาวนาอุทิศส่วนกุศลให้กับ "หลงโถว" และบริวาร ให้สมกับที่อีกฝ่ายรอคอยมานาน

อีกส่วนหนึ่งก็คือ WIFI ของโรงแรม OZO แห่งนี้ แรงสู้โรมมิ่งที่เปิดมาจากเมืองไทยไม่ได้ ขอเจริญพรขอบคุณ "ไอ้อ้วน" (นางสาวดวงฤทัย ตั้งวรกุลกิจ) ที่ช่วยซื้อแพ็คเกจโรมมิ่งให้กระผม/อาตมภาพทีหนึ่งตั้ง ๗ วัน ทั้ง ๆ ที่อยู่ที่นี่ไม่ครบ ๔๘ ชั่วโมงดี ปรารถนาสิ่งใดก็ขอให้สมหวัง ได้รับความสะดวกสบายกันทุกคน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:53


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว