![]() |
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ |
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ถือว่าเป็นวันสำคัญมากอีกวันหนึ่ง เนื่องเพราะว่าคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี จัดสวดธรรมนิยามถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) และเป็นวันเปิดการสอบธรรมสนามหลวง ระดับนักธรรมชั้นโท และนักธรรมชั้นเอกวันแรกของปี ๒๕๖๘
กระผม/อาตมภาพเป็น ๑ ใน ๑๐ ของพระทรงสมณศักดิ์ ซึ่งได้รับนิมนต์เข้าร่วมงานปัณณรสวาร คำว่า ปัณณรส ก็คือ ๑๕ ในภาษาบาลี ส่วนใหญ่จะหมายถึงวัน ๑๕ ค่ำ อย่างเช่นการอาราธนาศีล ๘ ก็จะมีการประกาศว่าวันนี้เป็นวันอุโบสถขึ้น ๑๕ ค่ำ ดังบาลีที่ว่า "อัชชะ โภนโต ปักขัสสะ ปัณณะระสีทิวะโส เอวะรูโป โข โภนโตฯ" ดังนี้เป็นต้น ดังนั้น ถ้าใครมีลูกสาวเกิดวันขึ้น ๑๕ ค่ำ จะตั้งชื่อว่าน้องปัณณรส (ปัน-นะ-รด) ก็ได้ แต่ถ้าอ่านแบบบาลีก็อ่านว่า (ปัน-นะ-ระ-สะ) พิธีกรรมนี้มีนายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส เมื่อดำเนินการจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ยังมีการแสดงพระธรรมเทศนาถวายพระราชกุศลอีกด้วย หลังจากฉันเพลแล้วก็เป็นพิธีเปิดการสอบนักธรรมชั้นโทและนักธรรมชั้นเอก (สนามหลวง) ประจำปี ๒๕๖๘ ซึ่งย้ายจากศาลาการเปรียญที่จัดสวดพระพุทธมนต์ถวายสมเด็จพระพันปีหลวงเป็นประจำทุกวัน ไปยังอาคารโดม โรงเรียนอนุบาลวัดไชยชุมพลชนะสงคราม ซึ่งอยู่ใกล้กันนิดเดียว กระผม/อาตมภาพถวายเงินร่วมสนับสนุนสนามสอบครั้งนี้ในนามส่วนตัว ๒๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือคือถวายร่วมกับคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิไปแล้ว เมื่อพิธีเปิดและมีการให้โอวาทแก่ผู้เข้าสอบเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องรีบเดินทางกลับไปยังวัดอุทยาน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เพื่อรอเวลาในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะต้องเดินทางไปรับโล่และประกาศเกียรติคุณพระวิปัสสนาจารย์เกียรติคุณ ของสถาบันวิปัสสนาธุระ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย |
มาถึงได้ไม่กี่นาที คุณหนึ่ง (นางสาวณิชชารีย์ จั่นแก้ว) และคุณการ์ตูน (นางสาวศรัณย์พร บุรินทรโกษฐ์ ) จากเอ็นซีทัวร์ ก็นำเอาวีซ่าอินเดีย - เนปาลมาถวาย พร้อมกับคืนหนังสือเดินทางให้
เนื่องเพราะว่าในวันที่ ๑๒ นี้ กระผม/อาตมภาพจะเดินทางไปยังเกาะปีนัง ในรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย เนื่องเพราะว่ามีเจ้าภาพก็คือ "มาดามศุ" (นางศุภากาญจน์ หว่อง) ซึ่งถือสัญชาติมาเลเซีย เป็นเจ้าภาพนำทางไป เพราะว่าหลังจากที่คุ้นเคยใกล้ชิดสนิทสนมกับ "หลงโถ" เจ้าพ่อหลักเมืองมาเลเซียแล้ว ก็ยังไม่ได้ไปเยี่ยมไปเยือนกันอีกเลย ในเมื่อท่านเห็นคนอื่นมีโอกาสอนุโมทนาบุญกุศล ที่กระผม/อาตมภาพทำอยู่เนือง ๆ จึงอยากจะให้ไปเยือนมาเลเซียบ้าง แต่กระผม/อาตมภาพไม่มีสถานที่ในใจที่จะเที่ยวมาเลเซียเลย ยกเว้นวัดเก็กลกซีที่เกาะปีนัง ซึ่งเป็นวัดพุทธมหายาน ใหญ่ที่สุดของมาเลเซียเท่านั้น เมื่อ "มาดามศุ" ทราบเข้าจึงอาสาซื้อตั๋วเครื่องบิน และพร้อมที่จะเป็นไกด์ให้ โดยติดต่อลูกสาวให้เตรียมดำเนินการจองที่พัก จองตั๋วเดินทางจนเรียบร้อย แต่ว่าหนังสือเดินทาง หลังจากกลับจากประเทศภูฏานแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มอบให้น้องการ์ตูนไปทำวีซ่าอินเดีย - เนปาล ด้วยเกรงว่าถ้ามีปัญหาล่าช้า การทำวีซ่าแต่เนิ่น ๆ เราก็ยังพอพอมีเวลาแก้ไขได้บ้าง ปรากฏว่าไม่มีอะไรล่าช้าเลย เนื่องเพราะว่าครั้งนี้ได้มีผู้มาแสดงตัวว่าจะเป็นผู้ติดตามรับใช้คณะของเรา ในระหว่างเยือนสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ซึ่งในอดีตเป็นคนใหญ่คนโตของประเทศอินเดีย อยู่ในระดับที่สามารถหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตได้เสียด้วย ในเมื่อท่านบอกว่าได้รับคำสั่งมาให้อำนวยความสะดวก จึงอำนวยความสะดวกให้คณะของเราอย่างเต็มที่ กระผม/อาตมภาพได้แจ้งไปว่า กุศลอันใดก็ตาม ที่ได้กระทำในช่วงที่ไปสักการะสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ตำบลนั้น ก็ขอให้ท่านและบริวารได้อนุโมทนาด้วย ส่วนตนเองจะไปใช้หนี้เจ้าพ่อหลักเมืองมาเลเซีย และสามารถที่จะเดินทางได้ เพราะว่าได้หนังสือเดินทางกลับมาแล้ว |
ปรากฏว่ายังคุยกับคุณหนึ่งและคุณการ์ตูนยังไม่ทันจะจบธุระ ลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) ก็มายื่นเจตจำนงนิมนต์ "หลวงตา" ให้ร่วมเดินทางไปท่องประเทศจีนอีกแล้ว งวดนี้ก็คือไปตะลุยมณฑลยูนนานด้วยกัน เรียกง่าย ๆ ว่าไปกันทีหนึ่งก็ไม่ต้องมีอะไรค้างคาใจกันที่นี่เลย ก็คือเราจะไปสิบสองปันนา ฉู่ฉง ต้าหลี่ แชงกรีล่า ลี่เจียง คุนหมิง
เหตุที่เส้นทางกระโดดสลับไปสลับมา เพราะว่ามีการนั่งรถไฟความเร็วสูงกันอยู่หลายรอบ แล้วในขณะเดียวกัน สถานที่สำคัญอย่างเช่นแชงกรีล่าแห่งเมืองจงเตี้ยนก็ดี วัดลามะซงจ้านหลิง ภูเขาหิมะมังกรหยก ทะเลสาบพระจันทร์สีน้ำเงิน หรือว่าอุทยานป่าหินงามเหล่านี้ เราก็ตั้งใจไปเยือนทีเดียวชนิดที่ไม่ต้องไปซ้ำกันอีก โดยเฉพาะที่พักแห่งหนึ่ง ก็คือรีสอร์ทของฉือมู่ กระผม/อาตมภาพตั้งใจจะไปดูว่า เด็กหญิงตัวน้อยที่ตอนนี้กลายเป็นคุณป้าแล้วว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ? เพียงแต่ว่าการที่เราเดินทางในครั้งนี้ จะอยู่ประมาณช่วงกลางเดือนมกราคม เป็นเวลา ๘ วัน ๗ คืน การเดินทางของเราต้องบอกว่าใช้ทั้งเครื่องบิน ใช้ทั้งรถไฟความเร็วสูง ราคาจะลอยลมติดฟ้าไปถึงไหน โปรดติดต่อลูกกิฟท์ที่เติมเต็มทราเวลด้วยตนเอง เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเองนั้นไปฟรี เนื่องจากตั้งปณิธานไว้แล้วว่า ถ้าไปต่างประเทศแล้วต้องจ่ายสตางค์เองก็จะไม่ไป ในส่วนที่จะไปในครั้งนี้ เราท่านทั้งหลายอาจจะได้ไปคุยภาษาไทยในเมืองจีนกัน เพราะว่าสิบสองปันนานั้น ส่วนใหญ่จะพูดภาษา "ไตลื้อ" ซึ่งก็คล้ายคลึงกับ "กำเมือง" ของบ้านเรา ๕๐ - ๖๐ เปอร์เซ็นต์ จะต้องฟังเข้าใจแน่นอน แต่โปรดระมัดระวังด้วย เพราะคำว่า "บาท" ของเขาหมายถึง "หนึ่งร้อย" ถ้าเขาบอกว่า "๕ บาท" ก็คือ "๕๐๐" ไม่ใช่ "๕ บาทไทย" หรือว่า "๕ หยวนจีน" เรื่องพวกนี้เราจะต้องมีประสบการณ์ด้วยตนเองถึงจะเข้าใจได้ถูก อีกส่วนหนึ่งก็คือถ้าหากว่าท่านเป็นผู้สูงอายุ โปรดระมัดระวัง "เขาซีซาน" หรือภูเขาประจิมของเมือง เพราะว่าเราจะขึ้นไปลอด "ประตูมังกร" เพื่อเอาโชคเอาชัยกันบนยอดเขา มีความเชื่อว่าใครสามารถเดินขึ้นไปถึงและลอดประตูมังกรได้สำเร็จ ก็จะเหมือนกับปลาหลีฮื้อลอดประตูมังกรที่สามโตรกแยงซีเกียงนั่นเอง ก็คือจะพลิกจากหน้าเท้าเป็นหลังมือ ประสบความสำเร็จ เปลี่ยนจากปลาเล็กปลาน้อย กลายเป็นพญามังกรเหาะเหินขึ้นฟ้าไปเลย..! |
ดังนั้น..งานนี้ถ้าใครก็ตามที่ไม่ได้ยากลำบากด้วยเงินทอง จะติดตามไปก็โปรดรีบติดต่อในส่วนของเติมเต็มทราเวล เพราะว่าถ้าเป็นคณะใหญ่เกินไปก็จะไม่สะดวกในการเดินทาง โดยเฉพาะบรรดามัคคุเทศก์ที่จะต้องมาไล่ต้อนคนที ๒๐ - ๓๐ คนให้ไปขึ้นรถไฟฟ้า หรือว่าจะต้องเช็คอินทั้งรถไฟความเร็วสูงและเครื่องบิน ไม่สนุกสนานแน่นอน
ส่วนใหญ่ กระผม/อาตมภาพก็ขอให้จำกัดเป็นคณะที่ค่อนข้างเล็ก ก็จะอยู่ในลักษณะว่ามาก่อนได้ก่อน ส่วนท่านที่ไม่ได้ไปก็โปรดกรุณารอทริปต่อไป ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าจะไปที่ไหน ? ยกเว้นว่าคณะพระอุปัชฌาย์รุ่น ๕๑ ของกระผม/อาตมภาพ ซึ่งวันนี้ท่านเจ้าคุณกล้า - พระวชิรวาที, ผศ.ดร. (กล้า วีรรตโน) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ วรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี ได้แจ้งมาว่า "เจ้านาย..ผมจ่ายค่าไปเมืองจีนของคณะพระอุปัชฌาย์ ๕๑ ให้แล้ว โปรดล็อกวันให้ด้วย" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็แปลว่า ในช่วง ๓ - ๔ เดือนข้างหน้านี้ กระผม/อาตมภาพต้องบินออกต่างประเทศทุกเดือน เป็นที่ "อิจฉามารศรี" ของบรรดาเพื่อนพระสังฆาธิการเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าของท่านทั้งหลายนั้นงานรัดตัวประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งก็คือเงินทองเป็นของหายาก ถ้าท่านจะเดินทางไปบ่อย ๆ แบบกระผม/อาตมภาพที่เดินทางฟรีก็คงจะไม่ไหว จึงได้แต่เรียนถวายท่านทั้งหลายเหล่านั้นว่า คอยดูรูปตอนกระผม/อาตมภาพเดินทางไปก็แล้วกัน สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) |
| เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:39 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.