กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=166)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=11206)

ตัวเล็ก 11-09-2025 16:39

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๘
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๘



เถรี 11-09-2025 23:32

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร ตำบลพระแท่น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อถวายมุทิตาสักการะพระเดชพระคุณพระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ.๖) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าอาวาสวัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร ในโอกาสเจริญอายุวัฒนมงคล ๗๕ ปีถ้วน ย่าง ๗๖ ปี

หลังจากที่ถวายสักการะแล้วก็ได้ขอตัวไปทำธุระอื่น ๆ โดยเฉพาะการไปทำเอกสารเคลมประกันเพิ่มเติม ตามที่ศูนย์ซ่อมรถยนต์แจ้งมาว่า ค้นพบชิ้นส่วนรถยนต์ซึ่งไปเกิดอุบัติเหตุชนมาเสียหายเพิ่มเติมขึ้นอีก จึงทำให้ต้องเสียเวลารอในการซ่อมรถ ยืดออกไปอีกหลายวัน น่าจะได้รับรถช่วงหลังวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๘ ไปแล้ว

เมื่อกลับเข้าสู่ที่พักและฉันเพลแล้ว ก็มาพบกับงานต่าง ๆ ทั้งในกลุ่มไลน์และงานที่ส่งมาทางอีเมล์ จึงทำให้เห็นว่าตนเองพลาดการประชุมสัมมนาบุคลากรการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ประจำปี ๒๕๖๘ ที่หอประชุมพุทธมณฑลไปแล้ว

ความจริง กระผม/อาตมภาพไม่ใช่พระปริยัตินิเทศก์ หากแต่ว่าเป็นกรรมการกองทุนเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งควบคุมพระนักเผยแผ่อีกชั้นหนึ่ง แต่ว่าในงานนั้นก็มีการถ่ายทอดสดให้ติดตามทางออนไลน์ได้ จึงได้ทราบว่าท่านจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี ได้ฝากภาระในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อคณะสงฆ์ อย่างชนิดที่เรียกว่าตั้งความหวังเอาไว้สูงมาก..!

กระผม/อาตมภาพฟังแล้วก็ยังหนักใจ เนื่องเพราะว่าในยุคปัจจุบันนี้ บรรดาญาติโยมต่าง ๆ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ มีการตั้งปัญหาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาไว้เยอะมาก โดยเฉพาะส่วนหนึ่งกล่าวหาว่าพระพุทธศาสนาของเรา โดยเฉพาะคณะสงฆ์ไทยสอนให้พระภิกษุสามเณรโง่..! แล้วก็มีการยกเอาเกสปุตตสูตร หรือที่พวกเรามักจะรู้จักกันในนามกาลามสูตร ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ ไม่ให้เชื่อถือ ๑๐ ประการด้วยกัน ซึ่งสิ่งที่ยกขึ้นมาบ่อยที่สุดคือข้อที่ว่า มา สมโณ โน ครูติ ก็คือ อย่าเชื่อแม้สมณะนี้เป็นครูของเรา..!

เถรี 11-09-2025 23:34

กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วหนักใจมาก เหตุเพราะ ๒ ประการด้วยกัน ประการแรกก็คือคนรุ่นนี้เชื่อข้อมูลจาก AI หรือปัญญาประดิษฐ์ มากกว่าตัวตนของผู้ที่ปฏิบัติจนเกิดผลแล้วนำมาสอน ประการที่ ๒ ก็คือ AI นั้นสามารถที่จะให้เนื้อหาความรู้เกี่ยวกับหลักธรรมได้ทุกอย่าง แต่ไม่สามารถจะให้อารมณ์หรือว่าสภาวธรรมที่แท้จริงได้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายจะไปเชื่อ AI อย่างเดียว แล้วก็แสดงความฉลาดด้วยการมาตั้งคำถาม กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า
ต่อให้โคตรซูเปอร์ AI ก็ไม่มีเครื่องไหนที่ชาญฉลาดกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หลักธรรมที่พระองค์ท่านตรัสรู้เปรียบเหมือนใบไม้ทั้งป่า แต่พระองค์ท่านเก็บรวบรวมเอาใบไม้เพียงกำมือเดียว ที่ปฏิบัติตามแล้วให้เราอยู่สุขในปัจจุบัน อยู่สุขในอนาคต และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็คือสามารถหลุดพ้นกองทุกข์ไปสู่พระนิพพานได้ ธรรมะทั้งหลายเหล่านั้นเป็นสิ่งที่สมบูรณ์บริบูรณ์โดยสิ้นเชิงแล้ว ตัดออกก็ขาด เติมเข้าก็เกิน เหมือนกับอาหารที่ทำไว้ดีแล้ว เพียงแต่เราท่านตักเข้าปากไปก็จะเกิดผลแก่ตนเองทันที มากน้อยตามสิ่งที่เราทำ

ดังนั้น..การที่เราจะไปตั้งคำถามกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาจึงไม่ใช่เรื่อง ไม่ใช่ว่าพระภิกษุสามเณรโง่ หากแต่ว่าพระภิกษุสามเณรนั้น เข้าใจว่าต้องปฏิบัติตามหลักธรรมอย่างไรต่างหาก

อาหารอยู่ตรงหน้า ท่านจะไปเขี่ยดูทีละอย่างว่า อาหารจานนี้ประกอบไปด้วยข้าวกี่เม็ด ? หุงมาจากข้าวชนิดไหน ? แข็งเกินไป อ่อนเกินไป หรือว่าพอดี ? กับข้าวนั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ? สมมติว่าเป็นผัดกะเพราไข่ดาว ท่านจะไปเขี่ยดูว่าเป็นผัดกะเพราหมู หรือผัดกะเพราเนื้อ ? ใช้ปริมาณเนื้อเท่าไร ? ใช้กะเพรากี่ยอด ? ไข่ดาวนี้สุกพอดี สุกปานกลาง หรือทอดจนกระทั่งเกรียม ? คาดว่ากว่าที่ท่านจะเห็นชัดเจนและตั้งคำถามเหล่านี้กับพ่อครัวแม่ครัวเสร็จสิ้น ท่านก็คงเป็นลมตายไปก่อน..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การที่เราเชื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วปฏิบัติตาม จึงไม่ใช่ความโง่ หากแต่ว่าเป็นศรัทธา คือความเชื่อมั่น ที่ประกอบด้วยปัญญาว่า พระองค์ท่านรู้แจ้งเห็นจริง แล้วเราจึงยึดถือและปฏิบัติตาม

เถรี 11-09-2025 23:38

ท่านทั้งหลายอยากจะให้พระภิกษุสามเณรของเราตั้งคำถามแบบบรรดา "แก๊งสารพัดสี" หรือไม่ว่า "ทหารมีเอาไว้ทำอะไร ?" จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีการตั้งคำถามว่า "กษัตริย์มีเอาไว้ทำอะไร ?" ซึ่งบรรดาผู้ฉลาดเหล่านี้ มีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติของเรา ตลอดจนกระทั่งทำลายสถาบันหลักของเราอีกต่างหาก หรือท่านทั้งหลายอยากจะทำตัวเป็น "แก๊งทะลุถุง" ขนาดป้องกันแล้วยังอุตส่าห์เล็ดลอดออกมา สร้างความเดือดร้อนให้กับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แบบนั้น..!

ในเมื่อระบบระเบียบ ธรรมเนียม จนกระทั่งหลักธรรมในพระพุทธศาสนาของเรา สมบูรณ์บริบูรณ์ดีอยู่แล้ว จึงสำคัญอยู่แค่เพียงว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ หรือว่าครูบาอาจารย์ ตลอดจนกระทั่งเจ้าคณะปกครอง จะมีความเข้มงวดกวดขันสักเท่าไร ? ถ้าท่านทั้งหลายตั้งคำถามเหล่านี้กับทางคณะสงฆ์ หรือว่าพระพุทธศาสนา กระผม/อาตมภาพขอตั้งคำถามกลับไปว่า ท่านมีศีล ๕ ครบหรือยัง ? ท่านเคยทำสมาธิจริง ๆ จัง ๆ จนเกิดผลหรือไม่ ? ท่านเคยใช้ปัญญาพิจารณาเห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ของร่างกายนี้ ของโลกนี้ ของสรรพสิ่งทั้งหลายหรือไม่ ?

ถ้าหากว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ท่านยังไม่เคยทำอย่างจริง ๆ จัง ๆ ท่านก็จัดอยู่ในบุคคลประเภท "มือไม่พาย แต่เอาตีนราน้ำ" ก็คือนอกจากไม่สร้างความก้าวหน้าให้กับหน่วยงานหรือประเทศชาติแล้ว ยังคอยขัดขวางด้วยการตั้งคำถามต่าง ๆ ขึ้นมาอีกต่างหาก..!

ส่วนประการต่อไป ข่าวที่ได้รับมาก็คือการประชุม GBC ที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา มีข้อตกลงจะเปิดด่านร่วมกัน ตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพขอทักท้วงสุดตัวว่า ถ้าท่านคิดจะ
เปิดด่านเพื่อประเทศที่เหยียดหยามเรา เข่นฆ่าทหารของเรา ทำร้ายประชาชนของเรา ไม่ว่าจะลูกเล็กเด็กแดง ตลอดจนกระทั่งทำลายโรงเรียน โรงพยาบาลของเรา นำเอาธงชาติของเราไปเผาบ้าง นำเอาธงชาติไปทำผ้าเช็ดเท้าบ้าง ฉีกธนบัตรไทยบ้าง และแสดงความก้าวร้าว ท้าทายเราอยู่ตลอดเวลาบ้าง

กระผม/อาตมภาพประกันได้ว่า
คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีใครเห็นด้วยกับท่าน ถ้าต้องการจะสูญพันธุ์ทางการเมือง ก็จงเปิดด่านได้เลย..! อยากจะรู้เหมือนกันว่าการท้าทายกับความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทยที่มีต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แล้วจะได้รับผลอย่างไร ?

เถรี 11-09-2025 23:49

โดยเฉพาะคิดถึงหัวอกของครอบครัวที่สูญเสียคนที่รักไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นทหารชายแดนก็ดี หรือประชาชนและเด็กตาดำ ๆ ที่เสียชีวิตลงเพราะการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามก็ตาม หรือตลอดกระทั่งผู้ที่บาดเจ็บ สูญเสียแขน สูญเสียขา สูญเสียอวัยวะ เขาทั้งหลายเหล่านั้นส่วนหนึ่งก็เป็นกำลังหลักของครอบครัว

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ท่านอาจจะไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกปวด เพราะว่าท่านไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย นอกจากกอบโกยผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง แต่ขอให้รู้ว่าคนไทยเรารักใครรักจริง แล้วขณะเดียวกัน เกลียดใครก็เกลียดแรงเช่นกัน..!

ดังนั้น..บรรดาแก๊งทะลุต่าง ๆ เราจะเห็นว่าในปัจจุบันนี้ ไม่มีใครได้รับการให้ค่าจากสังคมไทยอีกแล้ว นักการเมืองอย่างท่านทั้งหลายที่เห็นแต่ประโยชน์ตน โดยไม่ได้คิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง ไม่เห็นแก่ความเสียสละของตำรวจ ทหาร อาสาสมัครทหารพราน ตลอดจนกระทั่งบรรดาเอกชน และอินฟลูเอ็นเซอร์ทั้งหลาย ก็จงเตรียมรับผลกระทบเอาไว้

กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กมฺมํ สตฺเต วิภชติ กรรมย่อมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ ถ้าท่านทั้งหลายอยากจะทดสอบก็ลองเปิดด่านดูก็แล้วกัน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายต่อพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:22


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว