![]() |
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๘
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๘ |
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ความจริงกระผม/อาตมภาพต้องตรวจยกหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ อยู่ที่อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด แต่ด้วยความที่ว่าสุขภาพชำรุด จึงได้ขออนุญาตลาเป็นครั้งแรกในรอบ ๒ ปี โดยที่กระผม/อาตมภาพเอง ปีที่แล้วไปครบทั้ง ๒๓ จังหวัด ปีนี้เพิ่งจะลาพักเป็นครั้งแรก หลังจากที่รับยาเข้าไปแล้ว รู้สึกว่าดีขึ้น เป็นเพราะสาเหตุที่กรำงานต่อเนื่องกันแล้วพักผ่อนไม่พอเท่านั้นเอง
เมื่อมีเวลาก็เข้าไปดูในเว็บไซต์วัดท่าขนุน แล้วก็เห็นญาติโยมบางท่าน ซึ่งน่าจะมีฐานะค่อนข้างดี เพราะว่าจองบูชาวัตถุมงคลของแพงไปรวดเดียว ๓ - ๔ ชิ้น กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เนื่องเพราะว่าท่านอาจจะชอบวัตถุมงคลประเภทเครื่องรางเช่นเดียวกับกระผม/อาตมภาพ แต่ว่าการเล่นแบบไม่บันยะบันยังในลักษณะแบบนี้ โอกาสที่เงินจะจมอยู่ในวัตถุมงคลนั้นมีมาก กระผม/อาตมภาพนั้น ถ้าไม่ใช่สิ่งที่ตนเองชอบสุด ๆ จริง ๆ แล้วก็จะยับยั้งชั่งใจ รอชิ้นต่อไป ซึ่งถ้าเป็นนักเล่นวัตถุมงคล ท่านควรที่จะศึกษาให้รู้อย่างแท้จริงเสียก่อนว่า วัตถุมงคลแต่ละชิ้นแต่ละอย่างนั้น มีที่มาที่ไปอย่างไร ดูเก่าดูใหม่ แท้เทียมอย่างไร ไม่เช่นนั้นแล้ว บางท่านเห็นราคาในท้องตลาดแพงกว่าหลายเท่า ก็รีบบูชาเพื่อที่จะไปขายเอากำไร รับประกันได้ว่าอกหักดังกร๊อบ..! เนื่องเพราะว่ามีผู้ที่พบในลักษณะอย่างนี้มานับรายไม่ถ้วนแล้ว เนื่องจากว่าของ ๆ ท่านจะดีแค่ไหนก็ตาม เมื่อไปถึงตลาด เขาจะตีปลอมเอาไว้ก่อน เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถ้าของท่านเข้าไปในท้องตลาด ก็จะกลายเป็นไปแย่งลูกค้าของเขา เนื่องจากแหล่งของเราราคาถูกกว่า เขาไม่สามารถที่จะขายราคาสูงได้อย่างที่ตนเองต้องการ เกรงว่าลูกค้าถ้ารู้เข้า ก็จะหันมาซื้อหาทางด้านนี้แทน แล้วเขาก็จะเสียรายได้ หรือว่าเสียประโยชน์ไป กระผม/อาตมภาพเองโดนด้วยตนเองมาหลายวาระแล้ว จึงทำให้จดจำและเข็ดหลาบไปเลยทีเดียว ถึงขนาดที่ว่าไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวงการ "เซียน" อีก อาศัยของเก่าที่ตนเองสะสมมาเป็นเวลาหลายสิบปี ค่อย ๆ นำมาปล่อย เพื่อที่จะนำปัจจัยไปใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ ของวัดเท่านั้น ท่านจึงไม่ควรที่จะทุ่มเทปัจจัยในการซื้อหาบูชาทีละมาก ๆ เพราะว่าถ้าหมดกำลังใจแล้ว อาจจะนึกน้อยใจ เสียใจ ว่าตนเองบูชาของปลอมมาอีกด้วย โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำว่า "ปลอม" ในที่นี้ของเขาก็คือ ถ้าไม่ใช่ของกูแล้วก็ตีปลอมไว้ก่อน เป็นต้น |
ถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพมีเงินในลักษณะของท่านผู้นี้ ก็จะซื้อทองคำแท่งเก็บเอาไว้ดีกว่า เนื่องเพราะว่ามีโอกาสทำกำไรสูงกว่า ต่อให้ไม่ได้กำไรมาก ทองคำอย่างไรเสียก็เป็นทองคำ ถึงเวลาขายคืน อย่างน้อยก็ได้ราคาท้องตลาดปัจจุบัน
แต่ขอให้ได้เป็นทองคำแท่งน้ำหนักตั้งแต่สองบาทขึ้นไป ถึงจะถือว่าเป็นการเล่นทองคำที่เป็นสากล ส่วนที่ชิ้นเล็กกว่านั้น ต่อให้เขาเรียกว่าทองคำแท่ง แต่เขาก็ยังถือว่าอยู่ในลักษณะของทองรูปพรรณอยู่ดี เมื่อถึงเวลาขายคืน ก็จะโดนหักโน่นหักนี่ไปหลายเงิน..! เรื่องของการทำมาหากิน หรือว่าหาเงินตามแบบของฆราวาส กระผม/อาตมภาพเองสนับสนุนให้ท่านทั้งหลายภาวนาพระคาถาเงินล้านไปด้วย จะได้ประสบความสำเร็จง่ายขึ้น สำหรับช่วงนี้ ทางคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ก็มีการเร่งรัดจัดการให้วัดต่าง ๆ ที่ยังไม่ได้เปิดระบบรับบริจาคที่เรียกว่า e-Donation ก็คือการรับบริจาคออนไลน์ ซึ่งทางสรรพากรจะควบคุมการบริจาคตรงนี้อยู่ ทำให้สามารถตรวจสอบได้ง่าย และชัดเจนว่าแต่ละวัดมีเงินเข้าเท่าไร เพียงแต่กระผม/อาตมภาพสงสารบรรดาหลวงปู่หลวงตาอายุมาก ๆ อยู่ในสถานที่ซึ่งมีความเจริญน้อย สัญญาณอินเตอร์เน็ตเข้าถึงบ้างเข้าไม่ถึงบ้าง ไม่สามารถที่จะใช้สื่อโซเชียลได้เพราะว่าอายุมากเกินไปบ้าง ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็อาจจะต้องลำบากลำบน ในการทำตัวให้เป็นไปตามสิ่งที่พระเถระท่านต้องการ เพื่อแสดงออกซึ่งความบริสุทธิ์ใจของตนเอง แต่ขอให้ทุกท่านเชื่อเถอะ เรื่องพวกนี้ไม่จบลงง่าย ๆ หรอก กระผม/อาตมภาพมั่นใจว่าไม่ใช่ "ทฤษฎีสมคบคิด" หากแต่ว่ามีบุคคลที่ตั้งใจจะทำลายสถาบันหลักของเรา ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้อ่อนแอลงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อที่เขาทั้งหลายเหล่านั้นจะได้ครอบงำให้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดศูนย์ร้องเรียนของ CIB (กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง) ก็ทำให้ผู้ที่ไม่หวังดี หรือว่าผู้ที่ไม่ชอบขี้หน้าเจ้าอาวาส หรือพระภิกษุสงฆ์สามเณรภายในวัดนั้น ๆ ฉวยโอกาสในการฟ้องร้อง ไม่ว่าจะมีหลักฐานหรือไม่มีหลักฐานก็ตาม ส่วนหนึ่งก็คือทำให้ตำรวจของเราต้องเสียเวลาไปตรวจสอบ ถ้าหากว่าตรวจสอบมีมูลก็แล้วไป แต่ถ้าตรวจสอบแล้วไม่มีมูลก็เป็นการเสียเวลา เสียกำลังพล ที่จะไปดูแลในด้านอื่น ๆ ไปเป็นจำนวนมาก ส่วนวัดวาอารามนั้นก็เสียชื่อเสียงไปแล้ว เนื่องเพราะว่าบุคคลพอเห็นตำรวจเข้าวัด ก็ไม่มีใครคิดในแง่ดีว่า เขาไปเพื่อปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา หากแต่ฟันธงทันทีว่า จะต้องมีเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน..! |
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็สร้างความแตกแยกขึ้นในพระพุทธศาสนาของเรา และกระผม/อาตมภาพก็มั่นใจว่า จะมีการปั่นข่าวใหญ่ในลักษณะนี้ขึ้นมาอีก เพื่อที่จะกลบเกลื่อนวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเขาทั้งหลายเหล่านั้น อาจจะมีการลักไก่เสนอข้อกฎหมายอะไรก็ตาม ที่ทำให้ชาวพุทธของเราต้องเสียเปรียบ ตลอดจนกระทั่งต้องสูญเสียในสิ่งที่เป็นอิสรภาพของตนเองก็เป็นได้..!
ขอให้ชาวพุทธทั้งหลายของเราช่วยกันจับตาดูรัฐบาลนี้เอาไว้ให้ดี อาจจะมีการลักไก่ในลักษณะเสนอ "กฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย" อีกก็เป็นได้ เพียงแต่ว่าในส่วนที่เคยโดนจนได้รับบทเรียนไปแล้ว ก็อาจจะไม่ใช่อยู่ในลักษณะนี้ แต่คงจะเป็นกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้กับศาสนาอื่น ซึ่งถ้าเอื้อประโยชน์ทั่วไปก็พอทนไหว แต่ถ้าใช้กฎหมายนั้นมาบีบบังคับไทยพุทธซึ่งเป็นกำลังส่วนใหญ่ หรือว่าบุคคลส่วนใหญ่ของประเทศ ต้องไปปฏิบัติตามกฎระเบียบทางศาสนาของบุคคลส่วนน้อย นั่นก็ไม่น่าจะใช่แล้ว..! แต่ด้วยความที่ว่านักการเมืองของเรานั้น ไม่มีเลยที่จะเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ส่วนใหญ่แล้วก็เห็นแต่ประโยชน์ของพวกพ้องและตัวกู เมื่อถึงเวลาได้รับผลประโยชน์ก็ไปยกมือให้เขา ทำให้บรรดากฎหมายที่เอาเปรียบประชาชนคนไทยที่เป็นชาวพุทธส่วนใหญ่ ออกมาทีละฉบับ ทีละฉบับ ดูดเอางบประมาณที่เป็นภาษีอากรของคนพุทธไปปรนเปรอ บำรุงบำเรอ พรรคพวกของตนเอง แล้วขณะเดียวกัน ก็ยังจะหากฎหมายที่บีบบังคับให้พวกเราอยู่ในลักษณะที่ทำผิดอะไร ต้องไปตัดสินกันด้วยหลักศาสนาของเขาอีก ซึ่งไม่น่าที่จะใช่..! จึงขอให้ชาวพุทธทั้งหลายของเราจับตาดูในระยะนี้เอาไว้ว่า จะมีการเสนอกฎหมายบ้า ๆ อะไรเหล่านี้ขึ้นมาหรือเปล่า ? ถ้ามีต้องรีบประท้วงทันที ไม่เช่นนั้นแล้วเราทั้งหลายเองก็จะต้องลำบาก เพราะว่าพึ่งพาอาศัยท่านผู้ทรงเกียรติของเราก็ไม่ได้ เนื่องจากฮุบเอาผลประโยชน์เข้าไปเต็มปากเต็มคำแล้ว..! |
อีกส่วนหนึ่ง ท่านทั้งหลายก็ต้องคอยให้กำลังใจทหารที่แนวหน้า เนื่องเพราะว่าเราเองทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ คำพูดก็คือคำพูดของลูกผู้ชาย แต่อีกฝ่ายสามารถที่จะบิดเบือนในลักษณะลิ้นสองแฉกอยู่ทุกวัน ต่อให้ออกมาบีบน้ำตาฟ้องชาวโลก กระผม/อาตมภาพก็ไม่เห็นมีน้ำตาสักหยด ยังรู้สึกว่าชนชาตินี้เขาสามารถเล่นละครได้ ตั้งแต่ระดับต่ำสุดจนถึงสูงสุด โดยที่ไม่รู้จักละอายใจแก่ตนเองเลย ขอให้ได้ประโยชน์สำหรับตนเอง เขาก็ทำทันที
ลักษณะแบบนี้จะว่าไปแล้วก็น่าชื่นชม เพราะว่าเขาทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติของเขา แต่ว่าเราท่านทั้งหลายก็อย่าได้บ้าจี้ตามไป เนื่องเพราะว่าทหารที่อยู่แนวหน้านั้น ย่อมรู้ดีที่สุดว่าควรที่จะปฏิบัติอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเราก็อยู่ในลักษณะของการส่งกำลังใจ ส่งกำลังบำรุง ให้กับผู้ที่ยืนหยัดเป็นรั้วให้กับพวกเรา ปกป้องประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ของเรา ให้อยู่รอดปลอดภัยกันทุกคน สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:48 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.