กระดานสนทนาวัดท่าขนุน - เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๘

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๘

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังบ้านเจริญธรรม หมู่ที่ ๕ ตำบลเจริญธรรม อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี เพื่อทำการตรวจยกบ้านเจริญธรรมขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ ประจำปี ๒๕๖๘

เมื่อเสร็จจากการตรวจประเมินถึงได้เดินทางกลับวัดท่าขนุน ใช้เวลา ๔ ชั่วโมงกว่า เกือบ ๕ ชั่วโมง คราวนี้วันก่อนเจออากาศหนาวสุดขั้ว เมื่อวานนี้เจออากาศร้อนสุดขั้ว สำหรับวันนี้เจอฝนตกหนักเกือบตลอดทาง ๓ วันครบ ๓ ฤดูพอดี ก็เลยทำท่าจะสิ้นชีวิต..! ตอนนี้ก็อัดยาเข้าไปเต็มที่ กะว่าบันทึกเสียงเสร็จก็จะพักผ่อนแล้ว

การที่เดินทางไปเพื่อตรวจยกหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบนั้น ส่วนที่เห็นชัดที่สุดก็คือเป็นงานที่ใช้งบประมาณน้อยมาก แต่ว่าได้ผลในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์มากที่สุด เพราะว่าตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดลงมา จนถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ความร่วมมือดีมาก อย่างไม่มี ๆ ที่ผ่านมา ถ้าติดภารกิจผู้ว่าราชการจังหวัด ก็จะมอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดมาทำหน้าที่แทน

ในส่วนนี้เป็นความสามัคคีตามหลักบวร คือการประสานรวมกันโดยบ้าน วัด โรงเรียน และส่วนราชการ ตามทฤษฎีที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ประทานเอาไว้ เพื่อสร้างความสามัคคี กลมเกลียว และเจริญมั่นคงให้เกิดขึ้นในชาติบ้านเมืองของเรา

แต่ในระหว่างเดินทางกลับ ก็ได้รับข้อมูลที่ผู้แทนราษฎรของพรรคหนึ่ง เสนอให้ตัดงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทั้งหมด โดยเฉพาะในส่วนของนิตยภัตที่เขาเรียกว่า "เงินเดือนพระ" โดยที่บอกว่า เพราะเอาเงินไปยัดให้พระ วงการสงฆ์ถึงได้เละเทะอย่างปัจจุบัน

กระผม/อาตมภาพเองรู้สึกหนักใจแทนพี่น้องประชาชนชาวไทย ที่เรามีผู้แทนราษฎรพรรคหนึ่ง ซึ่งมีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันหลักของพระพุทธศาสนา ก็คือทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่มีอะไรดีเลย นอกจากตัวกู แนวคิดอันตรายแบบนี้ไม่ควรที่จะมีขึ้นในจิตในใจของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นประชาชนชาวไทย ทำให้ไปนึกถึงวินมอเตอร์ไซด์ที่ขับอยู่บนท้องถนน หลังเสื้อกั๊กไม่ได้บอกว่าเป็นวินไหน น่าจะมีทางด้านหน้าแล้ว แต่ด้านหลังเสื้อมีตัวหนังสือปักไว้ใหญ่เบ้อเร่อเลยว่า "สงสัยอะไรให้ถาม อย่าเอาความเลวในใจตัวเองไปตัดสินคนอื่น"

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเห็นว่า ถ้ารัฐบาลถังแตกจริง ๆ ส่วนที่ควรจะเสนอตัดก่อนเพื่อนเลยก็คือเงินเดือนของผู้แทนราษฎรทั้งหมด..! เพราะว่า ๘๐ กว่าปีที่ผ่านมามีผู้แทนราษฎรมาตลอด ประเทศของเรายังหาความเจริญทัดเทียมนานาอารยประเทศไม่ได้เลย ยังคงมีการคอรัปชั่นโกงกินกันเละเทะไปหมด..!

ถ้าหากท่านนับนิตยภัตที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้ เพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งการอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา ให้กำลังใจแก่พระเถระ ซึ่งรับภาระธุระแทนพระองค์ท่าน ในการสร้างความสงบร่มเย็นให้กับพสกนิกรแทนพระองค์ท่าน ถ้าท่านเห็นเป็นเงินเดือน เจ้าอาวาสทั่วไป เดือนละ ๑,๘๐๐ บาท พอจะเอาไปทำเละเทะอะไรบ้าง ?

ยกเว้น สส. ที่มีเงินเดือนสูง ๆ มีงบดูงานต่างประเทศ ดูแล้วดูอีก ปีแล้วปีเล่า แต่ไม่ได้คิดจะเอาอะไรดี ๆ มาพัฒนาประเทศของเราเลย นอกจากมีแนวคิดที่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติของตน แม้กระทั่งคำถามประเภทที่ว่า "ทหารมีเอาไว้ทำไม ?" ปัจจุบันก็น่าจะมีคำตอบชัดเจนแล้ว

ดังนั้น..ถ้ากระผม/อาตมภาพอยู่ในคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณ จะเสนอตัดเงินเดือน สส.ทั้งหมด และงบประมาณทุกอย่างที่สนับสนุน เพราะว่าท่านได้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้ประเทศชาติเจริญขึ้น นอกจากกินภาษีอากรราษฎรไปเป็นจำนวนมหาศาล แถมยังคอรัปชั่นโกงกินกันจนประเทศชาติของเราเดินหน้าไม่ได้อีกด้วย..!

เรื่องพวกนี้ไม่ควรที่จะมีขึ้นภายในประเทศที่เป็นพระพุทธศาสนา เนื่องเพราะว่าการที่กำลังใจของเรามองไม่เห็นความดีความงามของคนอื่นเลยแม้แต่น้อย อะไรเกิดขึ้นก็เหมารวมกันทั้งหมด จัดว่าเป็นกำลังใจที่มืดบอดเป็นอย่างมาก แล้วก็น่าอัศจรรย์ที่ว่า เขาสามารถหาบุคคลที่มีจริตนิสัย และอุดมการณ์เหมือน ๆ กันจนตั้งพรรคการเมืองได้เสียด้วย..!

จึงต้องไปนึกถึงที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสกับพระอานนท์ว่า "อานันทะ..ดูก่อนอานนท์ เห็นเหล่าภิกษุที่คลุกคลีอยู่กับพระสารีบุตรหรือไม่ ?" พระอานนท์ตอบว่า "เห็นพระพุทธเจ้าข้า" พระพุทธเจ้าตรัสว่า "นั่นแหละอานนท์ ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นเป็นผู้มีปัญญา"

"อานันทะ..ดูก่อนอานนท์ เธอเห็นภิกษุทั้งหลายซึ่งคลุกคลีอยู่กับพระโมคคัลลานะหรือไม่ ?" พระอานนท์ทูลตอบว่า "เห็นพระพุทธเจ้าข้า" พระพุทธเจ้าตรัสว่า "นั่นแหละอานนท์ ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นเป็นผู้มีวิสัยทางอภิญญาสมาบัติ"

แล้วก็ไล่ไปเรื่อยถึงพระเถระในสมัยนั้นอีกหลายรูปด้วยกัน จากนั้นพระองค์ท่านก็สรุปว่า บุคคลคบกันด้วยธาตุ ก็คือจะต้องมีจริตนิสัย หรือว่าคุณงามความดีใกล้เคียงกัน รักชอบในสิ่งที่เหมือน ๆ กัน จึงคบหากัน

เราจะเห็นว่าอย่างวัดท่าขนุนของเรา บุคคลที่ตั้งใจจะปฏิบัติธรรมถึงจะเข้ามา คนทั่ว ๆ ไปเขาไม่มาให้เสียเวลา เพราะว่าไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้ คุณอยากจะได้รับการบอกใบ้ให้หวย หรือว่าในการต่ออายุ เสริมเสน่ห์ สะเดาะเคราะห์อะไร เราไม่มีให้ บุคคลที่ธาตุเดียวกัน คือจริตนิสัยรักในการปฏิบัติธรรมจึงจะมาที่นี่

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงสรุปได้ว่า ถ้าหากว่าตรวจดีเอ็นเอย้อนขึ้นไปจนถึงบรรพบุรุษของนักการเมืองพรรคนั้น น่าจะพบว่าไม่มีวัวปนเลยแม้แต่น้อย..! เพราะว่าแต่ละอย่างที่กล่าวออกมา ล้วนแล้วแต่ขยายความโง่ของตนเองให้ผู้อื่นเห็น แล้วก็ยังภาคภูมิใจเสียอีกว่าตนเองคิดถูกแล้วอีกด้วย..!

เป็นเรื่องที่น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าความเป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็คือเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจน ซึ่งกำลังใจของบุคคลเหล่านั้น ก็คือ คนชั่วย่อมคิดว่าคนอื่นชั่วเหมือนกับตน ทำเอากระผม/อาตมภาพนึกถึงรุ่นพี่ ก็คืออดีตพระสามารถ ฐานิสฺสโร หรือว่าทิดสามารถ สุขสาธุ ท่านบอกว่า "ใครที่ลือกันว่ากูรู้ใจคนอื่น ไม่จริงหรอก กูชั่วมาก่อน กูก็เลยรู้ว่าคนชั่วเขาต้องคิดอย่างไร..!"

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น บุคคลที่มีแนวคิดอันตรายเช่นนี้ นอกจากจะน่าสงสารแล้ว ยกเว้นว่าจะได้รับการ "เคาะกะลาให้หมาดีใจ" หวังว่าจะได้ร่วมรัฐบาล ก็คาดว่าจะโดนหลอกใช้ไปเรื่อย ๆ ไม่มีพรรคการเมืองไหนอยากที่จะเปลืองตัวลงไปร่วมรัฐบาลด้วย เพราะว่าร่วมรัฐบาลไปเมื่อไร ก็มีแต่จะพาให้ฉิบหายมากเท่านั้น..!

ก็ได้แต่หวังว่าชาติหน้าบ่าย ๆ ท่านอาจจะได้เป็นรัฐบาลบ้าง จะได้สร้างสังคมในรูปแบบที่ท่านทั้งหลายต้องการเสียที แล้วถึงเวลานั้น กระผม/อาตมภาพจะดูว่าประเทศชาติของเราจะเจริญรุ่งเรืองไปในลักษณะไหน ?

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)