![]() |
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๘
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๘ |
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพวิ่งกลับมาจากบ้านหาดทนง หมู่ที่ ๕ ตำบลหาดทนง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ใช้เวลาเดินทาง ๕ ชั่วโมงเศษ ทำท่าจะนั่งคอพับแล้ว..!
วันนี้ได้เดินทางไปเพื่อทำการตรวจประเมินยกบ้านหาดทนง ขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ ประจำปี ๒๕๖๘ หมู่บ้านนี้มีจุดเด่นที่ทางคณะทำงานเกี่ยวกับโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ของวัดหาดทนงไม่ได้ลงเอาไว้ ก็คือในเรื่องของการที่บรรดาช่างฝีมือ ซึ่งก่อนนี้มีอาชีพทำปืนเถื่อนขาย..! ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงโด่งดังมาก แล้วปราบปรามยากสุด ๆ เนื่องเพราะว่าหนีไปทำกันตามเกาะในแม่น้ำสะแกกรัง ซึ่งมักจะมีพวกอ้อ พวกแขม หรือว่าหญ้าโขมง ขึ้นสูงท่วม ๒ ช่วงคน ๓ ช่วงคน ตำรวจถ้าจะเดินทางเข้าไปจับ ไม่มีทางที่จะจับตัวพร้อมกับของกลางได้เลย..! จนกระทั่งมาถึงยุคของพลตำรวจโทนพเก้า ธัญญสิริ เป็น ผบ.ภาค ถ้าจำไม่ผิด ท่านก็เลยวางแผนปรับเปลี่ยนจากการจับกุมมาร่วมพัฒนาด้วยกัน ก็คือออกแนวคิดให้บรรดาช่างฝีมือที่ทำปืนเถื่อนนั้น เปลี่ยนมาทำเป็นข้าวของใช้งานอื่น ๆ อย่างเช่นว่ามีดพับ มีดพก เครื่องมือการเกษตร เหล่านี้เป็นต้น จากการที่ทำปืนเถื่อนซึ่งต้องใช้ฝีมือมาก พอมาทำมีดพับ มีดพกหรือเครื่องมือการเกษตร ก็เลยเป็นของง่าย ถ้าหากว่าพวกท่านทั้งหลายสงสัยว่า ฝีมือทำปืนเถื่อนของชาวบ้านหาดทนงยอดเยี่ยมขนาดไหน ? กระผม/อาตมภาพเคยอยู่ชายแดนประมาณปี ๒๕๒๔ จับได้ปืนเถื่อนที่เขาซื้อมาจากหาดทนง ๒ กระบอก ปรากฏว่าผู้บังคับกองร้อยบอกว่า "ขอกูนะ..!" สวยขนาดผู้กองต้องการ เพียงแต่ว่าปืนเถื่อนของทางด้านหาดทนง เขาไม่มีเกลียวในลำกล้อง เนื่องเพราะว่าไม่มีเครื่องมือในการทำเกลียวภายใน ผู้กองก็ไม่ว่าอะไร แอบกระซิบบอกนายสิบช่างอาวุธ ให้เอาลำกล้องปืนเถื่อนไปเปลี่ยนลำกล้อง ๑๑ มม.ของแท้จากคลังอาวุธมาใช้แทน นี่เกิน ๓๐ - ๔๐ ปีแล้วแหละ เพราะฉะนั้น..คดีนี้ตกไปนานแล้ว ผู้กองก็เกษียณไปนานแล้ว ไม่รู้ว่ายังอยู่รอดปลอดภัยหรือเสียชีวิตไปแล้ว ?! |
เพียงแต่ว่าวันนี้ สิ่งที่เขานำออกมาเพื่อที่จะแสดงต่อคณะกรรมการตรวจสอบ ถ้าสำหรับกระผม/อาตมภาพแล้วก็ต้องบอกว่า ตรงกับภาษิตจีนที่ว่า "ผ่านทะเลเห็นน้ำไร้ความหมาย" คนที่เคยเห็นทะเล เห็นมหาสมุทรแล้ว แหล่งน้ำอื่นก็เล็กน้อยไปหมด เนื่องเพราะว่าเคยเจอผลงานระดับสุดยอดของ "บ้านจ่าตุ่ม" มาแล้ว ผลงานอื่นแม้ว่าจะพยายามเทียบเคียงเข้าไป อย่างดีก็ได้ประมาณ ๗๐ - ๘๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะว่าเขาทำขายแล้วยังทำไม่ทันอีกด้วย..!
แต่ทางบ้านจ่าตุ่มนั้นไม่ได้ทำขาย แต่ทำสนองกิเลสตัวเอง..! พวกท่านเข้าใจคำนี้หรือเปล่ากระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบ ก็คือบรรดาช่างของบ้านจ่าตุ่มนั้น ทำมีดตามใจตัวเอง ไม่ตามใจลูกค้า บางทีกระผม/อาตมภาพไปนั่งคุยอยู่กับป้าสุ (นางสุมาลี ทิมแท้) ครึ่งค่อนวัน เห็นช่างเดือนเขารดน้ำต้นไม้ไปเรื่อย ป้าสุบอกว่า "รอมันก่อน มันยังไม่ได้อารมณ์..!" ก็คงคล้าย ๆ กับบรรดาศิลปินวาดรูป แต่งเพลงทำนองนั้น ถ้าอารมณ์ไม่เกิดเขาจะไม่ทำงาน เพราะว่าผลงานจะออกมาไม่ดี แต่พอถึงเวลารู้สึกอยากทำงานขึ้นมา ค่ำมืดดึกดื่นขนาดไหนก็ทำไป จนบางทีก็สว่างไม่รู้ตัว..! แล้วไอ้เรื่องของอารมณ์ศิลปินก็ว่ายาก เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพเคยรอมีดเล่มหนึ่งเกือบ ๓ ปี..! ตัวมีดทำเสร็จแล้ว ฝักมีดทำเสร็จแล้ว เหลือแต่แกะสลักลายเท่านั้น เพราะว่าด้ามมีดเป็นเศียรพญานาค ฝักมีดก็เป็นตัวพญานาค แล้วทั้งฝักและด้ามทำด้วยงาช้าง ช่างเขาค่อย ๆ บรรจงแกะเกล็ดพญานาคทีละเกล็ด..! ไม่ทราบเหมือนกันว่าต้องใช้เวอร์เนียวัดหรือเปล่า ? แต่จำได้ว่าตั้งแต่มีดเสร็จแล้ว รอแค่ด้ามกับฝักใช้เวลา ๒ ปี เพียงแต่ว่าแต่ละชิ้นพอออกมาแล้ว สวยถูกใจลูกค้าเป็นที่สุด แต่ต้องอดทนและต้องรอได้เท่านั้น..! เสียดายที่ว่าจ่าตุ่ม (นายดาบตำรวจไพโรจน์ ทิมแท้) เสียชีวิตไปแล้ว ช่างรุ่นเก่า ๆ ก็มีทั้งเสียชีวิต มีทั้งเกษียณตัวเองออกไป เพราะว่าพออายุมากแล้ว ทำงานละเอียดไม่ได้ สายตาไม่ดี ดังนั้น..งานที่เขาเอามาแสดงในสายตาของกระผม/อาตมภาพ ก็เห็นว่ายังอยู่ในระดับดี ไม่ถึงกับดีมากหรือดีที่สุด เพราะเขาทำเพื่อขาย สิ่งที่จะดีมากหรือดีที่สุดนั้นต้องคนทำสนองกิเลสตัวเอง จะว่าไปแล้วเรื่องพวกนี้พูดยาก เพราะว่าคนที่จะทำงานสนองอารมณ์ตัวเอง โดยที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องการทำมาหากินนั้นมีน้อยมาก |
แต่คราวนี้การตรวจประเมินทุกอย่างในวันนี้ไม่ได้มีปัญหา ไปสะดุดใจอยู่อย่างเดียวว่ามีตำรวจนั่งประกบหลวงปู่หลวงพ่อ เจ้าคณะชั้นสูง ระดับตำบล ระดับอำเภอ สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับวัดวาอารามและบัญชีวัด กระผม/อาตมภาพมองแล้วก็สะท้อนใจว่าพระผู้ใหญ่ของเราทำอะไรกันอยู่ ต่อให้ท่านทั้งหลายอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อสังคม พร้อมที่จะให้ตรวจสอบทุกอย่างก็จริง
แต่อันดับแรก องค์กรของคณะสงฆ์ไปอยู่ที่ไหน ? อยากจะตรวจสอบทำไมไม่ตรวจสอบกันเอง ? ประการที่สอง ไปยกอำนาจให้กับผู้อื่น ซึ่งมองพระเป็นจำเลย ไม่ได้มองเป็นปูชนียบุคคลที่ควรให้เกียรติ จะทำให้พระผู้น้อยรู้สึกว้าเหว่ ประมาณว่า "พ่อแม่ไม่รัก" ถ้าลักษณะอย่างนี้ นานไปบุคคลที่ยังไม่มั่นคงก็สึกหาลาเพศหมด บุคคลที่มั่นคงก็ไม่มีใครอยากจะทำอะไร เพราะเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางตลอด..! พระสงฆ์ของเรามีแค่ "นิตยภัต" คือค่าอาหารที่ในหลวงถวายให้ อย่างเจ้าอาวาสก็ ๑,๘๐๐ บาทต่อเดือน แต่คนทั่วไปดันไปเรียกว่า "เงินเดือน" ส่วนอื่นก็เกิดจากศรัทธาญาติโยมถวายให้ แล้ววัดวาอารามก็มักจะเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาชุมชน ไม่ต้องอะไรมาก แค่อย่างวัดท่าขนุนของเรา ตั้งแต่กระผม/อาตมภาพมาเป็นเจ้าอาวาสมา ทำทุกอย่างเพื่อชุมชนไปไม่ถึง ๑ พันล้านบาทก็ใกล้เคียง..! เงินทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่งบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีอากรของชาวบ้านทั่วไป ซึ่งถ้าหากว่ารั่วไหลแล้วก็ถือว่าเป็นการโกงกินคอรัปชั่น แต่เป็นเงินที่มาจากศรัทธาของญาติโยมที่ถวายให้ เพื่อร่วมในการบูรณปฏิสังขรณ์ หรือค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ อย่างของวัดท่าขนุนที่ส่วนใหญ่แล้วก็มอบอาหารให้กับผู้ติดเตียงบ้าง สมัยที่เชื้อโควิด ๑๙ ระบาดหนักก็ตั้งโรงพยาบาลสนาม ตั้งโรงทาน หรือว่าให้ทุนการศึกษาทั้งพระภิกษุสงฆ์ สามเณร และฆราวาส ปีหนึ่งหลายล้านบาท สิ่งที่ทำนี้ก็เพื่ออุดช่องว่างรอยโหว่ของบรรดาข้าราชการทั้งหลายที่เอื้อมมาไม่ถึง เพราะว่างบประมาณแผ่นดินเรี่ยรายหลุดร่วงกลางทางไปเกือบหมด..! |
แต่ปัจจุบันนี้ พระกลายเป็นผู้ร้าย เพราะเขาใช้คำว่า "ป้องกันภัยคุกคาม" ก็คือจะทำความสะอาดพระศาสนาจะอะไรก็ว่าไป แต่คำว่าป้องกันภัยคุกคาม พระสงฆ์กลายเป็นภัยคุกคามของสังคมไปแล้ว..! ทั้ง ๆ ที่พระภิกษุสามเณรสองแสนกว่ารูป มีบุคคลที่ทำผิดไม่กี่คน แต่เหมารวมเอาพระหนุ่มเณรน้อยทั้งหมดเป็นภัยคุกคามต่อสังคม..!
อยากจะกราบเรียนถามว่า พระมหาเถระของเราได้ช่วยเหลืออะไรพระหนุ่มเณรน้อยบ้าง ? พอมีปัญหาก็ปัดมาเป็นภาระของเด็ก ๆ หนูเข้าบ้านมากัดข้าวของเสียหาย ไปเปิดบ้านให้คนเข้ามาไล่ทุบไล่ตีหนู จนกระทั่งบ้านแหลกยับเยินยังไม่พอ ยังช่วยเผาบ้านเพื่อที่จะฆ่าหนูอีกต่างหาก ท่านคิดว่าสิ่งนี้ทำถูกแล้วหรือไม่ ? ต้องบอกว่าเรื่องพวกนี้บรรดาพระเล็กพระน้อยทั้งหลายก็คงไม่มีใครที่จะไปต่อต้านอำนาจของท่าน เพียงแต่อยากจะทราบว่าสถาบันอันเป็นที่เคารพยิ่งตั้งแต่อดีต แม้แต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินก็ยังให้ความเคารพ แต่ปัจจุบันนี้บรรดาข้าราชการต่าง ๆ ไม่ว่าจะสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่ตั้งขึ้นมา เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในงานคณะสงฆ์ก็ดี หรือว่าส่วนราชการอื่น ๆ ที่ไปนั่งประกบเพื่อขอข้อมูลจากหลวงปู่หลวงพ่อท่านก็ตาม ท่านเห็นสถาบันที่แม้แต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินยังเคารพเป็นอะไรไปแล้ว ? ขอฝากเป็นข้อคิดให้พวกท่านทั้งหลายว่า สิ่งที่ทำ คำที่พูด ใจที่คิด ถ้าทำดีก็เป็นบุญเป็นกุศล ถ้าทำด้วยเจตนาไม่ดี โทษใหญ่จะเกิดกับท่านเองทั้งหลาย กระผม/อาตมภาพ จะรอดูวันนั้นว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ จะตอบต่อการกระทำของท่านทั้งหลายในลักษณะอย่างไรบ้าง สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:44 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.