![]() |
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๘
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๘ |
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพไปร่วมเจริญพระกรรมฐานและทำวัตรเช้า ร่วมกับบรรดาเจ้าอาวาสใหม่ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งเข้ารับการอบรมเป็นรุ่นที่ ๔/๒๕๖๘ ที่หอประชุมพระเทพศาสนาภิบาล วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งท่านเจ้าคุณอาจารย์สุวิทย์ - พระศรีวิสุทธิวงศ์, ดร. (สุวิทย์ ปวิชฺชญฺญู ป.ธ. ๙) รองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ท่านมานำทำวัตรเช้าและเจริญพระกรรมฐานทุกวัน
เรื่องของการเจริญพระกรรมฐานนั้น ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระศรีวิสุทธิวงศ์, ดร. นับว่าเป็นตัวอย่างอันดีของบรรดาพระสังฆาธิการระดับสูงเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าตั้งแต่ท่านยังเป็นพระมหาสุวิทย์ ปวิชฺชญฺญู ป.ธ. ๙ ท่านเองก็สอนวิชากรรมฐาน วิชาธรรมภาคปฏิบัติ ๑-๒-๓-๔-๕-๖-๗ ตลอดจนกระทั่งวิชาพระไตรปิฎกศึกษา เหล่านี้เป็นต้น ให้แก่กระผม/อาตมภาพและพรรคพวกเพื่อนฝูง ซึ่งท่านเป็นอาจารย์สอนให้ตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตรกิจการคณะสงฆ์ ตลอดจนกระทั่งปริญญาตรีสาขาพระพุทธศาสนา จนกระทั่งหลายปีให้หลัง ท่านได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระราชาคณะที่พระศรีวิสุทธิวงศ์ แล้วก็เจริญในด้านการปกครองเป็นเจ้าคณะอำเภอบางเลน ปัจจุบันนี้ขึ้นมาเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม และจบปริญญาเอกแล้ว ยังไม่เห็นท่านเจ้าคุณอาจารย์เหน็ดเหนื่อยกับเรื่องของการปฏิบัติธรรมเลย ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติธรรมของคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ก็ดี ภาค ๑๕ ก็ตาม ตลอดจนกระทั่งการปฏิบัติธรรมประจำที่ลานโพธิ์ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ที่ท่านเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงอยู่ ท่านก็สอนธรรมนำปฏิบัติอยู่ทุกวัน อยู่ในลักษณะที่เรียกว่าอุภยัตถประโยชน์ ก็คือทำแล้วเกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนเองด้วย เกิดประโยชน์ทั้งแก่ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมด้วย โดยเฉพาะท่านเจ้าคุณอาจารย์เคารพในพระธรรมวินัยมาก ถ้าหากเจอหน้ากระผม ท่านก็จะเป็นฝ่ายกราบ เนื่องเพราะว่าอายุพรรษาน้อยกว่า ดังนั้น..เราจะเห็นว่าพระราชาคณะที่เป็นเจ้าคณะปกครองชั้นสูง ระดับรองเจ้าคณะจังหวัดแล้ว ยังทำตัวตามพระธรรมวินัยโดยไม่ให้บกพร่องนั้น มีสภาพเป็นอย่างนี้เอง |
กระผม/อาตมภาพถือว่าโชคดีมาก เนื่องจากว่าในการที่ตัดสินใจเข้าเรียนต่อ เพราะว่าโดนพรรคพวกเพื่อนฝูงช่วยกันเข็นขึ้นมา โดยต้องการให้เป็นเครื่องมือช่วยเพื่อนฝูงที่ไปศึกษา ในลักษณะว่าช่วยดึงเพื่อนไปด้วย แล้วก็ได้เจอกับครูบาอาจารย์ดี ๆ หลายต่อหลายรูป
อย่างเช่นท่านเจ้าคุณอาจารย์บุญชิต ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือพระพรหมวัชรวิมลมุนี วิ., รศ., ดร. (บุญชิต ญาณสํวโร ป.ธ. ๙) พระราชาคณะชั้นเจ้าคณะรอง ซึ่งตอนนั้นท่านเป็นพระราชาคณะสามัญเปรียญฝ่ายวิปัสสนาธุระที่พระศรีวรญาณ, วิ. ท่านก็เริ่มคุมกรรมฐานให้พวกกระผม/อาตมภาพมาแล้ว และค่อย ๆ เจริญในสมณศักดิ์ขึ้นมาเป็นพระราชสิทธิมุนี, วิ. ขึ้นมาเป็นพระเทพวิสุทธิมุนี, วิ. ขึ้นมาเป็นพระธรรมวชิรมุนี, วิ. จนกระทั่งเป็นพระราชาคณะชั้นเจ้าคณะรอง หรือเขาเรียกกันว่ารองสมเด็จพระราชาคณะ บางคนก็เรียกว่าเจ้าคุณชั้นพรหม ท่านเองก็ยังออกบิณฑบาตทุกวัน ฉันภัตตาหารมื้อเดียว ไม่เก็บสะสมเงินทอง ออกกิจนิมนต์วันนั้น ถ้าหากว่าได้รับปัจจัยมาเท่าไร ท่านจะสร้างบุญสร้างกุศลต่อจนหมดภายในวันนั้นเลย..! ด้วยความที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์บุญชิตท่านตั้งหน้าตั้งตาศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม โดยเฉพาะท่านจบปริญญาเอกทางโลกถึงสองใบด้วยกัน ก็คือปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาศาสนศึกษา จากมหาวิทยาลัยมหิดล และปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ทางธรรมท่านจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค แล้วก็คงจะเล็งเห็นว่า วิชาโลกเรียนเท่าไรไม่รู้จบ พื้นพิภพกลมกว้างใหญ่ลึกไพศาล วิชาธรรมเรียนและทำจนชำนาญ ย่อมพบพานจุดจบสบสุขเอย ที่เป็นบทกวีของแม่เฒ่าปักษ์ใต้ ซึ่งครูบาอาจารย์ของกระผม/อาตมภาพรูปหนึ่ง ก็คือพระเดชพระคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ท่านได้เขียนติดหัวเตียงเอาไว้ |
ท่านเจ้าคุณอาจารย์บุญชิตจึงหันมาปฏิบัติธรรม จนกระทั่งกลายเป็นที่ยอมรับกันในสังฆมณฑลของเรา และในปัจจุบันนี้ ถ้าหากว่ากายสังขารของท่านยังไหว ท่านก็จะไปช่วยคุมกรรมฐานให้ทุกที่ซึ่งได้นิมนต์ท่านไป เพียงแต่ว่าต้องไม่ตรงกับการประชุมกรรมการมหาเถรสมาคม ตลอดจนกระทั่งงานของเจ้าคณะปกครอง เนื่องจากท่านเป็นเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ซึ่งถ้าเรียกว่าเจ้าคณะจังหวัด ก็เป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่พื้นที่ไม่ได้ใหญ่เลย แต่จำนวนวัดวาอารามและพระราชาคณะในกรุงเทพมหานคร มีมากมายมหาศาลจนแทบจะเดินกระทบไหล่กันอยู่ทุกวัน
ดังนั้น..การที่กระผม/อาตมภาพได้ตัดสินใจเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย จนกระทั่งจบปริญญาเอก ในส่วนที่ถือว่าดีที่สุดก็คือได้พบครูบาอาจารย์ที่ท่านเคร่งครัดในวัตรปฏิบัติ อย่างชนิดเป็นเนื้อแท้ของตนเอง ไม่ได้ใส่หน้ากากหลอกคนอื่น แม้กระทั่งท่านเจ้าคุณอาจารย์โสภา - พระราชปริยัติโมลี (โสภา เขมสรโณ ป.ธ. ๙) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระงาม (พระอารามหลวง) อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐมก็เช่นกัน ท่านเจ้าคุณอาจารย์โสภาเป็นบุคคลที่ตรงไปตรงมาอย่างมาก ถ้าหากว่าวิชาที่ท่านสอนพวกกระผม/อาตมภาพแล้วท่านไม่มีความเข้าใจ เพราะว่าเรียนมาแต่ทางธรรมมากกว่า ก็คือเรียนจนจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค เรียนวิชาทางโลกมาน้อย ท่านก็จะบอกพวกกระผม/อาตมภาพว่า "เฮ้ย..วิชานี้ใครรู้เรื่องบ้าง มาช่วยกูสอนหน่อย" ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็มักจะโดนเพื่อนผลักออกไป เป็นผู้ช่วยอาจารย์ในการบรรยายทุกครั้ง ท่านมีปฏิปทาก็คือไม่ว่าจะออกกิจนิมนต์ไปไกลแค่ไหน กลับวัดดึกดื่นขนาดไหนก็ตาม ท่านต้องสวดมนต์ทำวัตรก่อนแล้วถึงจะเข้าจำวัด บางทีได้จำวัดไม่ถึงชั่วโมงดี ก็ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมไปงานต่อไปอีกแล้ว ท่านบอกพวกกระผม/อาตมภาพว่า "สมัยนี้พระของเราจะให้บรรลุมรรคผลง่าย ๆ เหมือนสมัยพุทธกาลนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าผมจะทำตัวให้เป็นพระขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้" |
กระผม/อาตมภาพเองก็ยังชื่นใจว่าครูบาอาจารย์ท่านทำให้เห็นจริง ๆ ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง ท่านก็ทำตัวแบบนั้น ตลอดจนกระทั่งพรรคพวกเพื่อนฝูงนักปฏิบัติหลายราย อย่างเช่นว่าท่านพระครูปฐมจินดากร (สายชล จิตฺตกโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่แตงทอง หรือท่านพระครูไพโรจน์ภัทรคุณ, ดร. เจ้าคณะตำบลดอนข่อย เจ้าอาวาสวัดสระพัง เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นเพื่อนพระสังฆาธิการที่เหนียวแน่นในการปฏิบัติอย่างยิ่ง ในเรื่องของทาน ของศีล ของภาวนา ท่านเพียรพยายามทุ่มเทปฏิบัติอย่างชนิดเอาชีวิตเข้าแลก
ในการปฏิบัติธรรมของทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งตามหลักสูตรกำหนดให้ระดับประกาศนียบัตรต้องปฏิบัติธรรม ๑๐ วัน ถ้าสะสมการปฏิบัติธรรมไม่ครบ ก็ไม่สามารถที่จะรับประกาศนียบัตรได้ ถ้าระดับปริญญาตรีก็ปีละ ๑๐ วัน สรุปว่าอย่างน้อยก็ต้องปฏิบัติถึง ๔๐ วัน ระดับปริญญาโทปีละ ๑๕ วัน ก็คืออย่างน้อยต้องปฏิบัติถึง ๓๐ วัน และระดับปริญญาเอกหลักสูตรละ ๔๕ วัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ในระหว่างที่ปฏิบัติธรรมอยู่ บางทีพรรคพวกเพื่อนฝูงก็ดูไอ้บ้าสองคน ก็คือกระผม/อาตมภาพกับท่านอาจารย์สายชลเดินจงกรมแข่งขัน พรรคพวกหยุดพักไปเข้าห้องน้ำ หยุดพักไปฉันน้ำปานะ หยุดพักไปหลบสูบบุหรี่ หยุดพักไปแอบโทรศัพท์ ทั้งสองคนก็ยังคงเดินจงกรมแข่งกันไม่เลิก..! ผ่านไปแล้ว ๑ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง ๓ ชั่วโมง บางทีช่วงเช้า ๓ ชั่วโมง ช่วงบ่าย ๔ ชั่วโมง ไม่ได้พักเลย ลากยาวไปจนกระทั่งหมดเวลา ถึงจะกราบลาพระ แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล แล้วในระหว่างนั้น พวกเราก็ยังสามารถที่จะคุยกันได้อีกด้วย..! ท่านอาจารย์สายชลท่านรีบมรณภาพเสียก่อน เนื่องเพราะว่าไปฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แล้วแพ้วัคซีนมรณภาพ..! |
ท่านบอกว่าในการปฏิบัติธรรมของท่านวันนั้น สภาพจิตจะก้าวเข้าสู่ความหลุดพ้น แต่ว่าสัญญาเดิมรั้งเอาไว้ จึงได้ทราบว่าตนเองปรารถนาที่จะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก่อน พิจารณาแล้วว่าถ้าหากว่าตนเองพิจารณาต่อไปในบัลลังก์นี้ ก็จะก้าวเข้าถึงมรรคผลเลย ตัดในเรื่องของอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณไป แต่ด้วยความที่สัญญาเดิมของท่านหนักแน่นกว่า เหนียวแน่นกว่า ท่านจึงตัดสินใจคลายบัลลังก์ออกมา ยอมปฏิบัติต่อในสายพุทธภูมิ น่าเสียดายที่ว่าอายุของท่านสั้นไปนิดหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแล้วจะสร้างความเจริญให้กับพระพุทธศาสนาได้มากกว่านี้
ดังนั้น..ในเรื่องของการเรียนทางโลก วิชาการต่าง ๆ นั้น กระผม/อาตมภาพมั่นใจว่าตัวเองอ่านหนังสือก็เข้าใจ แต่ว่าการที่ได้พบครูบาอาจารย์ที่มีความดีความงามในระดับนี้ ได้พบเพื่อนฝูงที่เป็นนักปฏิบัติธรรมชนิดเอาชีวิตเข้าแลกแบบนี้ ต่อให้เจอเพียงท่านเดียวก็คุ้มกับเวลา ๑๐ ปีที่ได้เรียนอยู่ ก็คือจากประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก อย่าว่าแต่กระผม/อาตมภาพโชคดีได้พบหลายต่อหลายท่าน แต่วันนี้ยกตัวอย่างขึ้นมาให้ท่านทั้งหลายได้เห็นแต่เพียงเท่านี้ อย่าลืมว่าเราท่านทั้งหลายที่กล่าวมานั้น กำลังฝึกหัดขัดเกลา ปฏิบัติ กาย วาจา ใจ ของตนเอง เพื่อที่จะเป็นอย่างท่านเจ้าคุณอาจารย์โสภาที่ว่า "จะเป็นพระของพระพุทธเจ้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้" ดังนั้น..ถ้าทุกท่านได้ยินแล้วไปรบกวนท่าน แล้วท่านไม่ต้อนรับ เพราะว่าหวงเวลาปฏิบัติของตนเอง ก็กรุณาอย่าโกรธ อย่าเกลียดกัน แต่ว่าขอให้อนุโมทนาและยินดีเถิด ที่ท่านทั้งหลายเหล่านี้ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ยังคงทุ่มเทชีวิตให้กับพระพุทธศาสนา สร้างทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น ช่วยกันค้ำจุนพระพุทธศาสนาที่ง่อนแง่นของเราให้คงอยู่จนถึงปัจจุบัน สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:46 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.